การเรียนรู้หลักการและความสัมพันธ์ในการใช้คำบุพบท จะทำให้เราสามารถเรียบเรียงประโยคที่ใช้ในการสื่อสารได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งจะทำให้คนที่ฟังประโยคนั้น ๆ เข้าใจรูปประโยคได้ง่าย และสามารถนำไปตีความได้อย่างถ่องแท้ วันนี้ กระปุกดอทคอมจึงไม่พลาดที่จะหยิบเอาหลักการง่าย ๆ ในการใช้คำบุพบทมาฝากกัน

ก่อนอื่นมารู้จักความหมายของคำบุพบทกันก่อน สำหรับ คำบุพบท ก็คือ คำที่ใช้นำหน้าคำนาม คำสรรพนาม คำกริยา หรือคำวิเศษณ์ เพื่อบอกสถานภาพของคำเหล่านั้น หรือเพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างคำหรือประโยค ทีนี้ เราลองมาดูกันว่า คำบุพบทมีอะไรบ้าง แบ่งออกได้เป็นกี่ชนิด และสามารถวางในตำแหน่งใดได้บ้างค่ะ
คำบุพบท มีอะไรบ้าง
คำบุพบทที่ใช้กันในภาษาไทยมีมากมายหลายคำ แต่ที่ทุกคนน่าจะใช้กันบ่อย ๆ ก็อย่างเช่น กับ ใน ของ ด้วย โดย แก่ แต่ แด่ ต่อ ซึ่ง เฉพาะ ตาม กระทั่ง จน เมื่อ ณ ที่ ใต้ บน เหนือ ใกล้ ไกล ริม ข้าง ตั้งแต่ เกือบ กว่า ตลอด ราว จาก สัก และสำหรับ เป็นต้น ซึ่งคำเหล่านี้จะถูกนำมาใช้ในการนำหน้าคำนาม คำสรรพนาม หรือคำกริยา เพื่อแสดงความสัมพันธ์ของคำ
ประเภทของคำบุพบท
คำบุพบทแต่ละคำย่อมมีหน้าที่ และความหมายที่แตกต่างกัน ดังนั้น การนำมาใช้ก็แตกต่างกันไปด้วย โดยตามหลักภาษาไทยแล้ว คำบุพบท แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ตามลักษณะการนำมาใช้ คือ คำบุพบทที่ต้องเชื่อมกับคำอื่น และคำบุพบทที่ไม่จำเป็นต้องเชื่อมกับคำอื่น เราลองไปดูตัวอย่าง และวิธีการใช้กัน
1. คำบุพบทที่ต้องเชื่อมกับคำอื่น เพื่อบ่งบอกความสัมพันธ์ระหว่างคำ และบอกสถานการณ์ให้ชัดเจน ได้แก่
บอกสถานภาพความเป็นเจ้าของ เช่น
- ฉันซื้อสวนของนางอุบล
- สระว่ายน้ำของเขาใหญ่โตแท้ ๆ
- อะไรของเธออยู่ในกระเป๋า
- รถของฉันอยู่ในบ้าน
บอกความเกี่ยวข้อง เช่น
- เธอต้องการขนมในถุงนี้
- พี่เห็นแก่น้อง
- เธอไปกับฉัน
- เขาอยู่กับฉันที่บ้าน
บอกการให้และบอกความประสงค์ เช่น
- ไข่เจียวจานนี้เป็นของสำหรับพระ
- ครูให้รางวัลแก่เด็กนักเรียน
- แม่ให้ของที่ระลึกแก่โรงเรียน
- นักเรียนมอบของที่ระลึกแด่ครู
บอกเวลา เช่น
- เธอมาตั้งแต่เช้า
- ตลอดสายวันนี้
- ฝนตกตั้งแต่เช้ายันบ่าย
- เขาอยู่เมืองนอกเมื่อปีที่แล้ว
บอกสถานที่ เช่น
- สมชายมาจากขอนแก่น
- เขาขับรถอยู่บนทางเท้า
- ใครอยู่ในห้องน้ำ
- ณ ที่แห่งนี้คือที่ไหน
บอกความเปรียบเทียบ เช่น
- เขาหนักกว่าฉัน
- เขาสูงกว่าพ่อ
- เธอสูงแต่ฉันเตี้ย
- เขามีรถแต่ฉันไม่มี
- บ้านเธออยู่ใกล้แต่บ้านฉันอยู่ไกล
- เหนือฟ้ายังมีฟ้า
2. คำบุพบทที่ไม่มีความสัมพันธ์กับคำอื่น ไม่จำเป็นต้องเชื่อมกับคำอื่น ส่วนมากจะอยู่ต้นประโยค เช่น
- ดูกร ดูก้อน ดูราช้าแต่
- ดูกร ท่านพราหมณ์
- ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย
- ดูรา สหายเอ๋ย
- ช้าแต่ ท่านทั้งหลาย
จะเห็นได้ว่าคำบุพบทประเภทนี้ มักไม่เป็นที่นิยมใช้กันเท่าไรนัก ส่วนมากจะเห็นในบทประพันธ์มากกว่า
นอกจากจะสามารถแบ่งคำบุพบทออกเป็น 2 ประเภทแล้ว เรายังสามารถแบ่งคำบุพบทได้ตามลักษณะหน้าที่ของคำนั้นที่่ใช้เชื่อมคำหรือประโยคด้วย ซึ่งเราแบ่งออกได้ 5 ประเภท คือ
1. นำหน้าคำนาม เช่น
- ในตู้มีอะไร
- บนโต๊ะว่างเปล่า
- จนกระจกแตก
- เขาไปกับน้องสาว
2. นำหน้าคำสรรพนาม เช่น
- รถของเธอ
- ปากกาของฉัน
- ไปกับฉันไหม
- หมาเดินตามคุณ
- ผึ้งอยู่ใกล้ผม
- เนื่องด้วยข้าพเจ้า
3. นำหน้าคำกริยา เช่น
- ขอไปด้วยคน
- มาไกลไปไหม
- เดินบนทางเท้า
- ขอฟังต่ออีกสักหน่อย
- เขาพูดราว 1 ชั่วโมงแล้วนะ
- ผมใกล้อ่านหนังสือออกแล้ว
4. นำหน้าคำวิเศษณ์ เช่น
- เขาต้องมาหาฉันโดยเร็ว
- เขาเลวสิ้นดี
- ปากกาของฉันสีม่วง
- ขนมอร่อยมากแต่หมดแล้ว
- ฉันมองไม่เห็นที่นั่น
- ฉันรักแม่เหนือสิ่งอื่นใด
5. นำหน้าประโยค เช่น
- เมื่อไหร่เขาจะมาสักที
- กระทั่งน้องเลิกโรงเรียน
- ตั้งแต่เมื่อวานเขายังไม่กลับบ้านเลย
- ข้างบ้านไม่มีใครอยู่เลย
- เกือบเดือนแล้วที่ไม่ได้อาบน้ำ
- ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์
ทั้งนี้ ยังมีข้อสังเกตเกี่ยวกับคำบุพบทว่า ในบางประโยคที่เราใช้พูดคุยกัน อาจละคำบุพบทนั้นไว้ แต่ยังมีความหมายตามเดิม และก็ยังเป็นที่เข้าใจกันอยู่ เช่น พี่ให้เงิน (แก่) น้อง, แม่ (ของ) ฉันเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ
นอกจากนี้ บางครั้งคำบุพบทก็มีลักษณะคล้ายคำวิเศษณ์ แต่ต่างกันตรงที่คำบุพบทจะวางไว้หน้าคำ ส่วนคำวิเศษณ์จะทำหน้าที่ขยายอยู่หลังคำนั้น ดังนั้นแล้ว หากไม่มีคำนาม หรือสรรพนามตามหลัง คำนั้นจะเป็นคำวิเศษณ์ เช่น เธออยู่ใน พ่อยืนอยู่ริม, ฉันอยู่ใกล้แค่นี้เอง ฯลฯ
เห็นไหมว่าการนำคำบุพบทมาใช้ในการเชื่อมรูปประโยคไม่ใช่เรื่องยากเลย ขอเพียงให้เราเข้าใจหลักการของการนำมาใช้ให้ถูกต้อง เพียงเท่านี้ก็จะทำให้การสื่อสารไปยังผู้รับสารประสบผลสำเร็จได้ อย่างสมบูรณ์แบบแล้วล่ะ