ความหมายของวรรณกรรมคืออะไร บทความนี้อยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับวรรณกรรมให้มากขึ้น ทั้งความหมาย ประเภท บทบาท รวมถึงแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคปัจจุบัน

วรรณกรรม เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นนิทานที่เราเคยฟังก่อนนอน หนังสือที่เคยอ่านเล่นตอนเด็ก หรือแม้แต่เรื่องสั้นและนิยายที่ชอบอ่านในเวลาว่าง วรรณกรรมไม่เพียงให้ความสนุก แต่ยังช่วยให้เราได้คิด ได้เข้าใจโลก และเข้าใจคนอื่นมากขึ้น วรรณกรรมจึงเป็นมากกว่าความบันเทิง แต่ยังเป็นสิ่งที่ช่วยเปิดมุมมองและเติมจินตนาการให้กับชีวิตของเรา
ความหมายของวรรณกรรม
วรรณกรรม หมายถึง วรรณคดีหรือศิลปะที่เป็นผลงานอันเกิดจากการคิดและจินตนาการ แล้วเรียบเรียงนำมาบอกเล่า บันทึก ขับร้อง หรือสื่อออกมาด้วยกลวิธีต่าง ๆ ทั้งงานหนังสือ งานประพันธ์ บทประพันธ์ทุกชนิดทั้งที่เป็นร้อยแก้วและร้อยกรอง เช่น หนังสือ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ นวนิยาย เรื่องสั้น เทศนา คำสอน รวมถึงวรรณคดีด้วย
ความแตกต่างระหว่าง “วรรณกรรม” กับ “วรรณคดี”
วรรณคดี หมายถึง วรรณกรรมหรือหนังสือที่ได้รับการยกย่องว่าแต่งดี มีศิลป์ มีคุณค่าทางอารมณ์และความรู้สึกต่อผู้อ่าน สามารถใช้เป็นแบบแผนและอ้างอิงได้
วรรณกรรม หมายถึง วรรณคดีหรือศิลปะที่เป็นผลงานอันเกิดจากการคิดและจินตนาการ แล้วเรียบเรียงนำมาบอกเล่า บันทึก ขับร้อง หรือสื่อออกมาด้วยกลวิธีต่าง ๆ
สรุปได้ว่า วรรณกรรม เป็นงานเขียนทั่วไป ร้อยแก้ว ร้อยกรอง หรืองานเขียนเชิงสร้างสรรค์ต่าง ๆ ส่วน วรรณคดี เป็นวรรณกรรมที่ได้รับการยกย่องว่าแต่งดี มีคุณค่าทางวรรณศิลป์
วรรณกรรม หมายถึง วรรณคดีหรือศิลปะที่เป็นผลงานอันเกิดจากการคิดและจินตนาการ แล้วเรียบเรียงนำมาบอกเล่า บันทึก ขับร้อง หรือสื่อออกมาด้วยกลวิธีต่าง ๆ
สรุปได้ว่า วรรณกรรม เป็นงานเขียนทั่วไป ร้อยแก้ว ร้อยกรอง หรืองานเขียนเชิงสร้างสรรค์ต่าง ๆ ส่วน วรรณคดี เป็นวรรณกรรมที่ได้รับการยกย่องว่าแต่งดี มีคุณค่าทางวรรณศิลป์
ประเภทของวรรณกรรม
ประเภทของวรรณกรรมสามารถจำแนกออกได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่ใช้ เช่น รูปแบบ เนื้อหา จุดประสงค์ หรือกลุ่มเป้าหมาย แต่โดยทั่วไปแล้ว วรรณกรรม สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่
- วรรณกรรมร้อยกรอง เป็นงานเขียนที่ใช้ภาษาสละสลวย มีความคล้องจองและสัมผัสตามฉันทลักษณ์ เช่น โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน และร่าย ตัวอย่างผลงาน ได้แก่ พระอภัยมณี, ขุนช้างขุนแผน, สังข์ทอง, นิราศ, รามเกียรติ์, บทเห่กล่อมเรื่องกากี เป็นต้น
- วรรณกรรมร้อยแก้ว เป็นงานเขียนในรูปแบบของความเรียงหรือเรียงความ ที่ไม่เน้นเสียงสัมผัสหรือการคล้องจอง เช่น เรื่องสั้น สารคดี บทความ นิทาน และเพลงบางประเภท

จุดประสงค์และหน้าที่ของวรรณกรรมในสังคม
สังคมกับวรรณกรรมมีความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นและแยกออกจากกันไม่ได้ นักเขียนมักใช้ประสบการณ์จากสังคมรอบตัวเป็นพื้นฐานในการสร้างสรรค์ผลงาน ขณะเดียวกัน วรรณกรรม ก็มีบทบาทในการสะท้อนความคิด กระตุ้นการเปลี่ยนแปลง และส่งอิทธิพลต่อสังคมมาโดยตลอด
วรรณกรรมเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมมนุษย์มายาวนานนับพันปี เอกสารลายลักษณ์อักษรโบราณจำนวนมากล้วนเป็นผลงานวรรณกรรม ขณะที่การเล่าเรื่องด้วยวาจา (วรรณกรรมมุขปาฐะ) ก็มีความสำคัญต่อการถ่ายทอดความรู้ ความเชื่อ และค่านิยมในสังคมมนุษย์ตั้งแต่ยุคโบราณ
อิทธิพลของวรรณกรรมต่อสังคมนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง และได้กลายเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจในการศึกษาวิเคราะห์มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายศตวรรษ มีแนวคิดและทฤษฎีมากมายที่พยายามอธิบายว่า “วรรณกรรมคืออะไร” และ “วรรณกรรมทำหน้าที่อะไร” ในบริบททางสังคม
วรรณกรรมเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมมนุษย์มายาวนานนับพันปี เอกสารลายลักษณ์อักษรโบราณจำนวนมากล้วนเป็นผลงานวรรณกรรม ขณะที่การเล่าเรื่องด้วยวาจา (วรรณกรรมมุขปาฐะ) ก็มีความสำคัญต่อการถ่ายทอดความรู้ ความเชื่อ และค่านิยมในสังคมมนุษย์ตั้งแต่ยุคโบราณ
อิทธิพลของวรรณกรรมต่อสังคมนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง และได้กลายเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจในการศึกษาวิเคราะห์มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายศตวรรษ มีแนวคิดและทฤษฎีมากมายที่พยายามอธิบายว่า “วรรณกรรมคืออะไร” และ “วรรณกรรมทำหน้าที่อะไร” ในบริบททางสังคม
คุณค่าทางวรรณศิลป์และคุณค่าทางสังคมของวรรณกรรม
งานที่มนุษย์ใช้ภาษาสร้างสรรค์ขึ้นเป็นเรื่องราว อาจเป็นร้อยแก้วหรือร้อยกรองก็ได้ และอาจเป็นลายลักษณ์อักษรหรือมุขปาฐะก็ได้ เรียกว่า งานประพันธ์ ซึ่งงานประพันธ์มีคุณค่า 2 ด้าน คือ ด้านวรรณศิลป์ และ ด้านสังคม ได้แก่
- คุณค่าด้านวรรณศิลป์ เป็นคุณค่าทางด้านศิลปะการแต่ง โวหาร ภาพพจน์ ความไพเราะ สละสลวยของภาษาที่ใช้ การใช้รูปแบบเหมาะสมกับเนื้อหา วิธีแต่งน่าสนใจ สื่ออารมณ์ดี และสื่อความคิดที่สร้างสรรค์
- คุณค่าด้านสังคม เป็นคุณค่าที่สะท้อนชีวิตของคนในสังคมและสะท้อนวัฒนธรรมที่หมู่คนในสังคมนั้นสร้างขึ้น ทั้งที่เป็นรูปธรรม เช่น วัตถุ ศิลปะ และที่เป็นนามธรรม เช่น ประเพณี ความเชื่อ จริยธรรม ค่านิยม
ดังนั้น คุณค่าด้านวรรณศิลป์จะให้พัฒนาการทางด้านอารมณ์ และให้ความเพลิดเพลินหรือความสําเริงอารมณ์แก่ผู้อ่านผู้ฟัง ส่วนคุณค่าด้านสังคมจะให้พัฒนาการทางด้านสติปัญญา ให้ความเข้าใจชีวิตและเกิดความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ตัวอย่างวรรณกรรมที่สำคัญในประเทศไทยและต่างประเทศ
วรรณกรรมที่สำคัญในประเทศไทยมีหลากหลายประเภทและยุคสมัย เช่น
- รามเกียรติ์ วรรณกรรมเรื่องยาวอมตะที่ได้รับอิทธิพลจากเรื่องรามราชาปราษฎ์ของอินเดีย มีเนื้อหาเกี่ยวกับสงครามระหว่างพระรามกับทศกัณฐ์
- พระอภัยมณี กวีนิพนธ์ของสุนทรภู่ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรัก ความหวัง ความล้มเหลว และการแสวงหาทางออกในชีวิต
- ขุนช้างขุนแผน นิยายที่แต่งขึ้นโดยคนไทย มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องราวความรัก สามีภรรยา และการผจญภัย
- อิเหนา เรื่องราวความรักระหว่างอิเหนากับบุษบาที่แต่งขึ้นเป็นบทละครรำ
วรรณกรรมต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่
- โรมิโอและจูเลียต (Romeo and Juliet) โดย William Shakespeare เรื่องราวความรักที่จบลงด้วยความเศร้าโศก
- หลงใหลในวัยเด็ก (The Great Gatsby) โดย F. Scott Fitzgerald นิยายที่สะท้อนถึงสังคมในยุคสมัยจัสซั่ม
- To Kill a Mockingbird โดย Harper Lee นิยายที่สำรวจเรื่องของความยุติธรรมและอคติในสังคม
- A Christmas Carol โดย Charles Dickens นิยายที่เน้นเรื่องของความเมตตาและอภัยโทษในวันคริสต์มาส
- The Harry Potter series โดย J.K. Rowling เรื่องราวของเด็กหนุ่มที่กำลังเติบโตในโลกเวทมนตร์
บทบาทของวรรณกรรมในการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และวัฒนธรรม
วรรณกรรมมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการธำรงรักษาวัฒนธรรมของสังคมมนุษย์มาโดยตลอด ผ่านการถ่ายทอดเรื่องราว ความเชื่อ ค่านิยม และจินตนาการของผู้เขียน ซึ่งสะท้อนให้เห็นมุมมองและสภาพสังคมในยุคสมัยนั้น ๆ
ด้านความคิดสร้างสรรค์ วรรณกรรมเป็นเครื่องมือที่กระตุ้นให้ผู้อ่านเกิดจินตนาการ เปิดมุมมองใหม่ ๆ และฝึกการคิดวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นการอ่านนิทาน นวนิยาย หรือบทกวี ล้วนช่วยให้ผู้อ่านสามารถมองเห็นโลกในแง่มุมที่หลากหลาย และสร้างสรรค์แนวคิดใหม่ ๆ ได้อย่างอิสระ
ทางด้านวัฒนธรรม วรรณกรรมทำหน้าที่เป็นแหล่งบันทึกและถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมจากรุ่นสู่รุ่น ทั้งภาษาที่ใช้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ความเชื่อ ประเพณี และค่านิยมของสังคม วรรณกรรมยังมีส่วนในการสร้างอัตลักษณ์ของชนชาติ และช่วยให้คนรุ่นหลังเข้าใจรากเหง้าและพัฒนาการทางวัฒนธรรมของตนเอง
ด้วยเหตุนี้ วรรณกรรม จึงไม่เพียงเป็นศิลปะแห่งการเขียน แต่ยังเป็นพลังสำคัญในการหล่อหลอมความคิด สร้างแรงบันดาลใจ และธำรงรักษาเอกลักษณ์ของสังคมไว้อย่างยั่งยืน

ประโยชน์ที่ได้รับจากการอ่านวรรณกรรม
การอ่านวรรณกรรม ต้องกำหนดจุดมุ่งหมายในการอ่าน เพื่อให้การอ่านแต่ละครั้งประสบความสำเร็จและเกิดประโยชน์มากที่สุด สำหรับจุดมุ่งหมายในการอ่านวรรณกรรม สามารถแบ่งได้ดังนี้
- อ่านเพื่อความเพลิดเพลิน
- อ่านเพราะความชอบ ถูกกับนิสัยของตน
- อ่านเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่แปลก ไม่เหมือนกับที่เคยประสบมา
- อ่านเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์
- อ่านเพื่อรับรสที่ไพเราะของวรรณกรรม
- อ่านเพื่อให้ได้ความรู้เหมือนตำราเรียน
การอ่านวรรณกรรมจึงไม่ใช่เพียงการอ่านเพื่อฆ่าเวลา ซึ่งจะทำให้พลาดสาระที่สำคัญไปอย่างน่าเสียดาย หากอ่านเพื่อความเพลิดเพลินหรือเพื่อฆ่าเวลาเพียงอย่างเดียวก็เหมือนกับการกินน้ำมะพร้าวอย่างเดียวแล้วทิ้งเนื้อมะพร้าวที่หอมหวานไป ส่วนการอ่านเพื่อค้นหาความจริงเพียงแค่ต้องการทราบชื่อ ผู้แต่ง เวลา สถานที่ หรือสาเหตุที่แต่งขึ้นมา เป็นการอ่านที่ขาดประโยชน์เช่นกัน
ดังนั้น การอ่านวรรณกรรมเพื่อให้ได้ประโยชน์ที่แท้จริง คือการอ่านเพื่อเพิ่มประสบการณ์ชีวิตและอ่านเพื่อรับรสความงาม ความไพเราะ ของบทประพันธ์
แนวโน้มและความเปลี่ยนแปลงของวรรณกรรมในยุคปัจจุบัน
วรรณกรรมไทยในยุคปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านรูปแบบ เนื้อหา และจุดมุ่งหมายของผู้สร้างสรรค์ผลงาน ซึ่งสะท้อนถึงการปรับตัวของวรรณกรรมให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตและเทคโนโลยีของคนยุคใหม่ ดังนี้
- การเปลี่ยนแปลงของเนื้อหา วรรณกรรมยุคใหม่มักสะท้อนประเด็นร่วมสมัย เช่น เพศสภาพ สิทธิมนุษยชน ความเหลื่อมล้ำทางสังคม และสภาวะจิตใจของคนในยุคดิจิทัล มีความกล้าในการตั้งคำถามต่อค่านิยมดั้งเดิม และเปิดกว้างต่อแนวคิดหลากหลาย
- การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบ จากเดิมที่วรรณกรรมเน้นรูปเล่มหรือบทประพันธ์แบบคลาสสิก ปัจจุบันมีการนำเสนอในรูปแบบใหม่ ๆ เช่น นิยายภาพ, เรื่องสั้นออนไลน์, วรรณกรรมแชต และบทกวีร่วมสมัยที่ผสมผสานภาพ เสียง และสื่อดิจิทัล
- การเข้าถึงผ่านเทคโนโลยี วรรณกรรมในยุคดิจิทัลสามารถเข้าถึงได้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือโซเชียลมีเดีย ทำให้ผู้อ่านสามารถเลือกอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา และนักเขียนรุ่นใหม่สามารถเผยแพร่ผลงานได้โดยไม่ต้องผ่านสำนักพิมพ์
- บทบาทของผู้อ่านเปลี่ยนไป ผู้อ่านยุคใหม่มีบทบาทเชิงรุกมากขึ้น ทั้งในฐานะผู้ให้ข้อคิดเห็น แนะนำผลงาน หรือแม้กระทั่งเป็นผู้ร่วมสร้างเนื้อหา (เช่น นิยายแฟนฟิกชั่น หรือการเขียนร่วมกันในกลุ่มออนไลน์)
- การเติบโตของวรรณกรรมเฉพาะกลุ่ม วรรณกรรมที่ตอบโจทย์ความสนใจเฉพาะกลุ่ม เช่น LGBTQ+, วรรณกรรมเยาวชน (YA), นิยายแฟนตาซี หรือแนวไซไฟ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีความหลากหลายทางเนื้อหามากยิ่งขึ้น
ทั้งหมดนี้คือ ความหมายของวรรณกรรม ประเภท คุณค่าของวรรณกรรม ดังนั้น วรรณกรรมไม่ใช่เพียงแค่ผลงานการเขียนที่หยุดนิ่งในอดีต หากแต่เป็นศิลปะที่มีชีวิต เติบโต และเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา ซึ่งในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีและความคิดใหม่ ๆ วรรณกรรมได้กลายเป็นมากกว่าแหล่งความรู้ มันคือเครื่องมือสื่อสารที่ทรงพลัง และเป็นกระจกเงาที่สะท้อนสังคม ความรู้สึก และความเป็นจริงของคนในยุคปัจจุบัน วรรณกรรมจึงเป็นมากกว่าผลงานเขียน หากแต่เป็นสะพานที่เชื่อมโยงอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เข้าด้วยกันอย่างลึกซึ้งและยั่งยืน