เผย 4 วิธีอ่านหนังสือเตรียมสอบ ที่จะช่วยให้น้อง ๆ อ่านหนังสือสอบให้ได้ผลดี แถมไม่ต้องกังวลว่าสุขภาพจะพัง
วันนี้ เรามีเคล็ดลับดี ๆ จาก อ.ศัลยา คงสมบูรณ์เวช นักกำหนดอาหารขึ้นทะเบียนวิชาชีพจากสหรัฐอเมริกา มาฝากให้น้อง ๆ ที่กำลังขะมักเขม้นเพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ได้ทุ่มเทอ่านหนังสือได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องคะแนนสอบหรือปัญหาสุขภาพ
สำหรับเทคนิคดี ๆ ที่น้อง ๆ ซึ่งกำลังเตรียมตัวสอบควรรู้ไว้แต่เนิ่น ๆ มีดังนี้
1. วางแผนการอ่านหนังสือ
ควรจัดลำดับความสำคัญในแต่ละวิชา เพราะความยากง่ายของแต่ละวิชาจะแตกต่างกันไป และขณะที่อ่านหนังสือก็ไม่เพียงแค่อ่านผ่าน ๆ ไปเท่านั้น แต่ควรพยายามเชื่อมโยงเนื้อหาและสรุปทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กัน ด้วยการทำช็อตโน้ต หรือเขียนเป็นแผนที่ความคิด (Mind mapping) โดยนำความรู้มาสรุปรวมเป็นหมวดหมู่ เพื่อนำมาทบทวนภายหลัง ขณะเดียวกันยังช่วยตอกย้ำความเข้าใจของเราไปด้วยในตัว ที่สำคัญไม่ควรหักโหมอ่านหนังสือเมื่อใกล้จะถึงวันสอบ เนื่องจากจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย อีกทั้งทำให้สมองล้า ความแม่นยำในการจำไม่ดี อย่างที่เรียกว่า "เบลอจนจำอะไรไม่ได้"
2. ฝึกทำข้อสอบเตรียมความพร้อม
นอกจากเนื้อหาที่เราควรอ่านให้จบก่อนสอบแล้ว การฝึกทำข้อสอบปีเก่าๆ ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะการฝึกทำโจทย์ถือเป็นการเตรียมตัวก่อนลงสนามจริงหลังจากที่อ่านเนื้อหามาอย่างพร้อมแล้ว เพื่อฝึกบริหารเวลาบริหารความกดดันเบื้องต้นก่อนสอบ อีกทั้งยังสามารถประเมินตนเองได้ว่าเรามีจุดบกพร่องตรงไหน ส่วนไหนที่ถนัดไม่ถนัด วิชาไหนที่ต้องไปเสริมเพิ่มเติม จะได้นำมาปรับปรุงกันต่อไป
3. เลือกกินอย่างฉลาด
การรับประทานอาหารตามหลักโภชนาการจะช่วยให้ร่างกายและสมองได้รับสารอาหารครบถ้วน นอกจากนั้นอาหารยังสามารถเข้าไปช่วยเสริมในยามที่ร่างกายอ่อนเพลียและช่วยลดความเครียดได้มากทีเดียว โดยเฉพาะอาหารโปรตีน อาหารที่มีวิตามินบีสูง ซึ่งจะช่วยสร้างสารสื่อประสาทในการเพิ่มความจำ ทำให้สมองตื่นตัว ประเภทผัก ผลไม้ ที่มีวิตามินและเกลือแร่ ซึ่งช่วยในกระบวนการต้านอนุมูลอิสระให้กับร่างกายและสมอง นอกจากนี้การเสริมอาหารโปรตีนบางชนิดที่สะดวกในการบริโภค อย่างซุปไก่สกัด ซึ่งประกอบด้วยเปปไทด์และกรดอะมิโนที่พร้อมให้ร่างกายดูดซึมไปได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพหลายฉบับพบว่า ซุปไก่สกัดมีส่วนช่วยเสริมสร้างสมาธิ การเรียนรู้ ลดความเครียด คลายความอ่อนล้าของสมองและร่างกาย รวมถึงประโยชน์อีกหลายด้านไม่ว่าจะเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงานและเพิ่มความสามารถในการดูดซึมของธาตุเหล็ก และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานดีขึ้น
4. ทำใจให้พร้อม
ฝึกสมองมามากแล้ว อย่าลืมฝึกจิตใจ หาเวลานั่งสมาธิเพื่อลดความเครียด วิตกกังวล ยิ่งใกล้วันสอบ ยิ่งคณะที่เราเลือกมีการแข่งขันสูง ความวิตกกังวลก็ยิ่งมาก ก็จะยิ่งเพิ่มความเครียดจนอาจจะทำให้วันสำคัญของเราล้มเหลวได้ ดังนั้นขอให้เชื่อในความรู้และความสามารถของตัวเอง คิดซะว่าผลมันคือเรื่องรอง ความพยายามและความตั้งใจจริงคือสิ่งสำคัญที่สุดในการสอบ
สำหรับในสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ น้อง ๆ ไม่ควรจะจดจ่ออยู่กับการอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว แต่ควรดูแลสุขภาพของตัวเองให้พร้อมควบคู่กันไปด้วยการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าตรงตามหลักโภชนาการรวมถึงดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ เพราะอาหารจะช่วยเพิ่มพลังสมองและเสริมสร้างความจำให้กับเรา รวมถึงหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้โลหิตไหลเวียนได้ดี สมองจะได้ปลอดโปร่ง มีสมาธิ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ห้ามอดนอนหรือนอนดึก เพื่อร่างกายและจิตใจจะได้สดชื่นผ่อนคลาย
ทั้งนี้ หากน้อง ๆ ได้เตรียมตัวพร้อมทั้งทางด้านความรู้และเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังกายและพลังสมองกันแล้ว เชื่อแน่ว่า... ทุกคนสามารถแข่งขันในสนามสอบได้อย่างมั่นใจ และประสบความสำเร็จในทุกจุดหมายตามที่ตั้งใจไว้ได้อย่างแน่นอน