ปรับเกณฑ์กู้เงิน กยศ. ปี 58 เกรดเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 2.00
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
บอร์ด กยศ. มีมติปรับเกณฑ์กู้เงิน กยศ. ปีการศึกษา 2558 ผู้กู้สายสามัญต้องมีเกรดเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 2.00 ขณะที่ผู้กู้รายเก่าต้องได้เกรดเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 2.00 ในทุกภาคเรียน
วันที่ 2 กันยายน 2557 นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ว่า ที่ประชุม กยศ. มีมติเห็นชอบกำหนดมาตรการและปรับหลักเกณฑ์การให้กู้ยืมกองทุน กยศ. ใหม่ โดยจะเริ่มใช้หลักเกณฑ์ดังกล่าวในปีการศึกษา 2558
สำหรับรายละเอียดการปรับหลักเกณฑ์การให้กู้ยืมกองทุน กยศ. ใหม่ มีดังนี้
1. หลักเกณฑ์การคัดกรองสถานศึกษาที่จะจัดสรรเงิน กยศ. ให้นักเรียนกู้
ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย, ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.), ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพเทคนิค ต้องเปิดการเรียนการสอนมาแล้วอย่างน้อย 1 ปีการศึกษา มีผลการรับรองคุณภาพจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพศึกษา (สมศ.) และต้องมีโครงการที่มุ่งจิตอาสาที่มีประโยชน์ต่อสังคมและประเทศ
ส่วนระดับอนุปริญญาตรีและปริญญาตรีนั้น นอกจากจะต้องเปิดสอนมาอย่างน้อย 1 ปีการศึกษา และมีโครงการที่มุ่งจิตอาสาฯ แล้ว หลักสูตรที่เปิดสอนต้องได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา รวมทั้งผ่านการประเมินของ สกอ. ตลอดจนมีผลการรับรองจาก สมศ. อีกด้วย
2. หลักเกณฑ์การคัดกรองผู้กู้ยืมเงิน
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
ผู้ที่จะยื่นกู้ยืมเงิน กยศ. จะต้องมีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ไม่น้อยกว่า 2.00
ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.)
ไม่มีการกำหนดเงื่อนไขดังกล่าว เพราะต้องการส่งเสริมให้มีการเรียนสายอาชีพมากขึ้น
ระดับอนุปริญญา/ปริญญาตรี
ผู้ที่จะยื่นกู้ยืมเงิน กยศ. ต้องมีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ไม่น้อยกว่า 2.00 รวมทั้งต้องมีหลักฐานแสดงถึงการเข้าร่วมโครงการจิตอาสาด้วย
ผู้กู้รายเก่าที่จะเลื่อนชั้นปี หากจะกู้ต่อได้ต้องมีผลการเรียนเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 2.00 เช่นกันในทุกภาคเรียน และยังต้องมีหลักฐานการเข้าร่วมโครงการจิตอาสาอย่างน้อย 1 กิจกรรมต่อภาคการศึกษา โดยต้องเข้าร่วมโครงการจิตอาสาไม่น้อยกว่า 18 ชั่วโมงต่อ 1 ภาคการศึกษา
นอกจากนี้ ที่ประชุม กยศ. ยังเห็นชอบที่จะกำหนดหลักเกณฑ์สัดส่วนวงเงินที่จะให้สถานศึกษากู้ยืม อาทิ
- กำหนดสัดส่วนจำนวนผู้กู้ที่มาชำระหนี้คืนไว้ 40% ซึ่งต่อไปหากสถานศึกษาใดมีการค้างชำระหนี้ของผู้กู้มาก จะได้รับจัดสรรวงเงินให้กู้ยืมน้อยลงด้วย
- กำหนดสัดส่วนจำนวนผู้กู้ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ต่อสายอาชีพไว้ในสัดส่วน 50 : 50
- ระดับอนุปริญญา/ปริญญาตรีสายวิทยาศาสตร์ต่อสายสังคมในสัดส่วน 50 : 50 เช่นเดียวกัน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก