นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
สั่งสอบร้ายแรง 7 บุคคลเอี่ยวปมทุจริต เผยเด้งไปแล้ว 3 ราย คือ ผอ.-รอง-หัวหน้าบุคคล สพป.ขอนแก่น เขต 3 ชี้ อุดรธานี, ยโสธร ชัยภูมิ และขอนแก่น พบทุจริตชัดเจน เตรียมเสนอสอบใหม่เป็นรายพื้นที่
ความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีทุจริตสอบครูผู้ช่วย หลังจากที่ทางกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ส่งเอกสารลับให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการทุจริตสอบดังกล่าว เชื่อมโยงกับขบวนการเครือข่ายทุจริตในพื้นที่ ตั้งแต่ระดับผู้บริหารอำนวยโรงเรียน ผู้อำนวยการสำนักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) นักการเมืองท้องถิ่น ไปจนถึงนักการเมืองระดับชาตินั้น
ล่าสุด วานนี้ (11 มีนาคม) นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่า กรณีที่ขบวนการทุจริตเตรียมแก้มือครั้งใหญ่ เพื่อให้บุคคลที่จ่ายเงินแล้ว แต่สอบตกได้สอบคัดเลือกผ่านอีกครั้งนั้น ตนได้หารือกับหลาย ๆ ฝ่ายแล้ว ได้ข้อสรุปว่า การสอบคัดเลือกครูผู้ช่วยครั้งใหม่ ควรจะให้สถาบันวิชาการ หรือมหาวิทยาลัยเป็นผู้ออกข้อสอบ, ตรวจข้อสอบ และจัดส่งข้อสอบ เพื่อให้ทุกฝ่ายเกิดความสบายใจ ซึ่งที่ผ่านมาเคยให้สถาบันเหล่านี้ดำเนินการ และเกิดปัญหาน้อยกว่า ตนจึงมอบให้เจ้าหน้าที่ไปติดต่อว่า มีสถาบันใดบ้างที่จะรับดำเนินการได้ เพื่อให้การจัดสอบไม่ล่าช้า
นายพงศ์เทพ ยังกล่าวต่ออีกว่า กรณีที่ดีเอสไอจะเรียกสอบสวนบุคคลที่สอบได้คะแนนสูงผิดปกติจำนวน 486 รายนั้น สมควรจะต้องเรียกสอบจริง ๆ เนื่องจากบางคนได้เกือบเต็ม ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วไม่มีใครได้คะแนนเช่นนี้ นอกจากนี้ ยังมีความผิดปกติด้านอื่น ๆ ที่ควรสอบด้วย นั้นก็คือ บางคนที่สอบได้คะแนนแต่กลับมาสอบในเขตพื้นที่อื่น ซึ่งอยู่ไกลออกไปถึง 300-400 กิโลเมตร
ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่า มีกลุ่มบุคคลจะส่งเงินหา รัฐมนตรี ศธ. นั้น ต้องตรวจสอบให้หมดว่าเป็นรัฐมนตรีคนไหน เพราะตนในฐานะ รมว. ศธ. ต้องเอาจริงในเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาที่สุด และขอยืนยันตรงนี้เลยว่า ตนและนายเสริมศักดิ์ ไม่ได้ข้องเกี่ยวเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน ซึ่งถ้ามีชื่อของรัฐมนตรีท่านไหนก็ต้องถูกสอบอย่างละเอียด และข้าราชการคนไหนที่แอบอ้างก็จะถูกดำเนินการด้วย ส่วนใครที่ทำข้อสอบไปเผยแพร่และเรียกเงินจากผู้สมัครสอบ จะต้องถูกลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรง และผิดกฎหมายอาญา
นอกจากนี้ นายพงศ์เทพ ยังได้กล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุว่ามีนักการเมืองระดับชาติ ใน จ.ขอนแก่น อยู่ในพรรคเพื่อไทย มีส่วนเกี่ยวกับกับการทุจริตว่า เรื่องนี้ก็จะต้องถูกดีเอสไอตรวจสอบอย่างละเอียดด้วยเช่นกัน
ขณะที่ นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงผลการสอบสวนการทุจริตใน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 3 พบว่า มีความชัดเจนในการกระทำผิดจริง อาทิ มีการเจ้าไปสอบแทนผู้สมัคร 2 ราย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความบกพร่องของกรรมการคุมสอบที่ไม่มีการตรวจอย่างรัดกุม ไม่ได้ตรวจรูปถ่ายผู้มาสอบเทียบกับใบสมัครว่าเป็นคนเดียวกันหรือไม่ นอกจากนี้ ยังพบว่าบัตรประจำตัวผู้สอบแทนทั้ง 2 ราย มีข้อพิรุธคือ มีรอยประทับตรา สพป.ขอนแก่น เขต 3 ซ้ำกันบนบัตรสอบ
นายชินภัทร ยังระบุพบพิรุธการจัดที่นั่งสอบ โดยปกติจะจัดแบบวนลูกศรจากหน้าห้องไปหลังห้อง สลับหน้าหลัง รวม 5 แถม แต่ครั้งนี้มีการจัดเรียงหน้ากระดานจากซ้ายไปขวาไปเรื่อย ๆ ซึ่งต้องตรวจสอบว่าการจัดที่นั่งนั้นเป็นคำสั่งจากใคร โดยจากหลักฐานดังกล่าวมีข้อมูลเพียงพอว่าการสอบครั้งนี้มีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 7 คน ด้วยกัน โดยเป็นคนใน สพป.ขอนแก่น เขต 3 อย่างแน่นอน ประกอบด้วย
ผู้อำนวยการ สพป.ขอนแก่น เขต 3 รอง ผอ.สพป.ขอนแก่น เขต 3 ด้านบริการงานบุคคล หัวหน้ากลุ่มงานบุคคล สพป.ขอนแก่น เขต 3 กรรมการคุมห้องสอบ 4 รายโดยขณะนี้มีคำสั่งให้ย้ายผู้อำนวยการ สพป.ขอนแก่น เขต 3, รอง ผอ.สพป.ขอนแก่น เขต 3 ด้านบริการงานบุคคล และหัวหน้ากลุ่มงานบุคคล สพป.ขอนแก่น เขต 3 ออกจากพื้นที่ทันทีให้เข้ามาอยู่ส่วนกลาง เพื่อให้คณะกรรมการสอนสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบได้อย่างครบถ้วนรอบด้าน
ส่วนทางด้าน นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าชุดสอบสวนการทุจริตการสอบคัดเลือกครูผู้ช่วย กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการลงพื้นที่สอบปากคำกรรมการคุมสอบในจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อยืนยันว่ามีบุคคลต้องสงสัยที่เป็นมือยิงสวมรอยสอบแทนผู้สมัครรายอื่นจริงหรือไม่ โดยจังหวัดที่พบว่ามีการทุจริตชัดเจนได้แก่ อุดรธานี ยโสธร ชัยภูมิ และขอนแก่น ซึ่งทาง ดีเอสไอจะเสนอให้ทาง ศธ. พิจารณายกเลิกการสอบเป็นรายเขตพื้นที่การศึกษาไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
