ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
เมื่อวันที่ 9 กันยายน ที่ผ่านมา ในงานเสวนา "การรู้หนังสือ: ปฐมบทการศึกษาตลอดชีวิต" ซึ่งจัดขึ้นเนื่องในงานวันที่ระลึกสากลแห่งการเรียนรู้หนังสือ พ.ศ. 2555 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) อดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้กล่าวถึงความสำคัญของการให้เด็ก ๆ อ่านหนังสือ โดยเปรยว่าเมืองไทยควรส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ให้มากขึ้น เพื่อให้เด็กไทยทุกคนได้มีโอกาสเรียนหนังสืออย่างทั่วถึง และควรทำการวิจัยเรื่องการรู้หนังสืออย่างจริงจัง เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ที่มักมีการวิจัยเรื่องนี้เพื่อพัฒนาระบบการศึกษาอยู่เสมอ
ในขณะที่ นางริสรวล อร่ามเจริญ อดีตนายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย กล่าวส่งเสริมเรื่องการให้ความสำคัญด้านการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ด้วยการอ้างถึงผลสำรวจเมื่อปี 2551 ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับกิจกรรมที่ใช้พัฒนาด้านการเรียนและการอ่านสำหรับเด็กอายุ 0 - 5 ขวบ เช่น การเล่านิทาน การละเล่น และอื่น ๆ ซึ่งพ่อแม่มักเป็นผู้ส่งเสริมให้ โดยปรากฏว่ามีเด็กไทยกว่า 5 ล้านคนที่ไม่เคยทำกิจกรรมเหล่านั้นเลย ทั้ง ๆ ที่เป็นวัยเรียนรู้ที่พ่อแม่ควรส่งเสริมทักษะของเขาตั้งแต่เล็ก ๆ และเพราะเหตุนี้เอง จึงทำให้เด็กไทยเรียนรู้ได้ช้ากว่าเด็กในประเทศอื่น ๆ
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีเด็กไทยอายุ 0 - 3 ขวบ เพียง 40% เท่านั้นที่เติบโตมาในบ้านที่มีหนังสือให้เขาได้เรียนรู้ ในขณะที่เด็กอีก 60% ไม่เคยเห็นหนังสือเลยจนกระทั่งได้เข้าโรงเรียน ส่วนเด็กอายุ 7 - 12 ปี ถูกผลักดันให้เข้าสู่วงการบันเทิงผ่านการประกวดต่าง ๆ มากกว่าการเรียนเสียอีก และยังพบว่าเด็กอายุ 13 - 18 ปีหลุดจากระบบการศึกษาในแต่ละปีเป็นจำนวนกว่า 5 ล้านคนอีกด้วย
อนาคตเรื่องการเรียนรู้ของเด็กไทยจึงเป็นเรื่องสำคัญที่น่าเป็นห่วง และควรมีผู้เข้าไปดูแลอย่างจริงจัง เพื่อให้เด็กไทยสามารถพัฒนาศักยภาพไปได้ ไม่แพ้ชาติอื่น ๆ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
