อธิการบดี มธ.แนะเลือกคณะเรียนตามความชอบ ไม่ใช่เพราะจบมามีงานทำ หรือพ่อแม่ชอบ ไม่เช่นนั้นอาจเรียนไม่รอดได้ ส่วนกระแสภาษาต่างประเทศเริ่มมาแรงรับประชาคมอาเซียนในปี 2558
วันนี้ (9 เมษายน) นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวถึงแนวทางการเลือกคณะของนักเรียนในการเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาระบบแอดมิสชั่นส์ 2555 ว่า นักเรียนจะเลือกพิจารณาจาก 3 ปัจจัยคือ สาขาที่มีชื่อเสียง การมีงานทำ และคะแนนที่เด็กได้ ซึ่งเชื่อว่าคณะแพทยศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และนิติศาสตร์ จะยังติดโผคณะยอดนิยม แม้อาจจะไม่ใช่คณะที่คนเลือกมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม คณะที่เด็กเลือกมากในปีที่ผ่านมา ในปีนี้อาจมีเด็กเลือกน้อยเพราะคะแนนสูงขึ้น ในขณะที่คณะที่ไม่นิยมในปีที่แล้ว คะแนนก็จะต่ำลงในปีนี้ ทำให้เด็กอาจมาเลือกเรียนคณะนี้มากขึ้น ดังนั้น การที่เด็กเลือกลงสาขาวิชานั้น ๆ จำนวนมากจึงไม่ได้เป็นตัวชี้วัดเสมอไปว่า สาขานั้นจะเป็นสาขายอดนิยมที่เด็กชอบจริง ๆ นอกจากนี้ เรื่องตัวเลขการรับตรงของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกคณะของเด็ก อย่างเช่น คณะนิติศาสตร์ มธ. รับตรงไปแล้ว 300-400 คน ดังนั้น ยอดรับแอดมิสชั่นส์จะน้อยลง เด็กก็อาจจะสมัครน้อยเพราะเห็นว่าเปอร์เซ็นต์จะได้แอดมิสชั่นส์ต่ำ ทั้งนี้ การเลือกคณะ สาขาวิชา ขอให้นักเรียนดูความสามารถตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นเลือกเรียนในสิ่งที่ชอบเพราะที่ผ่านมาบางคนเรียนตามที่พ่อแม่ชอบ แม้สอบเข้าได้แต่สุดท้ายก็เรียนไม่รอดเพราะใจไม่อยากเรียน
ทั้งนี้ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา คณะนิติศาสตร์และบัญชี ยังเป็นคณะที่มีคนเลือกเรียนมาก เพราะจบแล้วมีงานทำและเงินเดือนเยอะ ดังนั้น ทั้งสองคณะนี้จึงมีคะแนนสูงมาโดยตลอด ขณะที่แพทย์มีคนเรียนน้อยลง เพราะช่วงหลังมีปัญหาเรื่องความรับผิดชอบของแพทย์ มีกรณีฟ้องร้องกันมากมาย สำหรับคณะในสายสังคมศาสตร์บางคณะมีคนหันมาเรียนมากขึ้นเพราะมีงานทำที่แน่นอน เช่น คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ส่วนคณะวารสารศาสตร์ที่ได้รับความนิยมตลอด 10 ปีที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันคนกลับนิยมน้อยลงเรื่อย ๆ
ด้านนายสุขุม เฉลยทรัพย์ ประธานที่ปรึกษา อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (มสด.) กล่าวว่า การเลือกคณะ สาขาวิชาของนักเรียนนั้น ส่วนหนึ่งจะเลือกตามค่านิยมเดิม ๆ คือ เลือกคณะยอดนิยม แต่ที่น่าจับตามองคือ หลักสูตรด้านภาษาต่างประเทศ และหลักสูตรอาเซียนศึกษา ความสัมพันธ์ต่างประเทศ รัฐศาสตร์การปกครอง ธุรกิจการบิน ซึ่งปีนี้น่าจะได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษเพราะประเทศไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 ซึ่งเด็กที่เข้าเรียนในปีนี้จะจบการศึกษาในปี 2558 พอดี นอกจากนี้ยังมีความต้องการของตลาดแรงงานอย่างปีที่ผ่านมาเกิดปัญหาขาดแคลนครู ทำให้คณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ โดยเฉพาะครูคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และครูประถมวัย ที่สามารถดึงคนเก่งคนดีมาเรียนได้จำนวนมาก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
