ลูกควายโคลนนิ่งจากพญาควายตัวแรกของเมืองไทย ความสำเร็จครั้งแรกในประเทศไทยโดยสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ
ศ.น.สพ.ดร.มงคล เตชะกำพุ คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เปิดเผยว่า ศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตปศุสัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ภายใต้การสนับสนุนของเงินทุนงบประมาณแผ่นดิน และศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพทางสัตวแพทย์ ทุนจุฬาฯ 100 ปี ประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกในประเทศไทยและเป็นครั้งที่ 2 ของโลก ในการโคลนนิ่งควาย ได้ลูกควายเพศผู้ น้ำหนัก 40 กิโลกรัม เกิดเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2554 ที่ฟาร์มวัวทอง ต.เจริญธรรม อ.วิหารแดง จ.สระบุรี
การโคลนนิ่งควายเป็นผลสำเร็จครั้งแรกในประเทศไทยนี้ เป็นการนำเซลล์ต้นแบบจากใบหูของ "พญาควาย" จาก จ.พิษณุโลก อายุประมาณ 5 ปี มาเลี้ยงเป็นเซลล์ต้นแบบในหลอดทดลอง และนำเซลล์ดังกล่าวมาฝากในเซลล์ไข่อ่อนควายที่นำเอาสารพันธุกรรมออก โดยเชื่อมติด
เซลล์ต้นแบบกับเซลล์ไข่ด้วยการกระตุ้นด้วยไฟฟ้า หลังจากนั้นจึงเลี้ยงโคลนตัวอ่อนจนถึงระยะบลาสโตซีส นำตัวอ่อนระยะบลาสโตซีส จำนวน 2 ตัวอ่อนไปย้ายฝากในมดลูกของแม่ควายปลัก เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2553 เมื่อตรวจระดับฮอร์โมนและล้วงตรวจจึงพบว่าตั้งท้อง รวมระยะเวลาตั้งท้อง 326 วัน
ลูกควายจากการโคลนนิ่งมีลักษณะเหมือนพ่อควาย ซึ่งมีลักษณะเด่นคือ "หน้าดอก หางแบน ข้อเท้าค่าง ปากคาบแก้ว เท้าขุนนาง" กล่าวคือ บริเวณหน้าผากช่วงระหว่างเขา
จะปรากฏเป็นโพธิ์สีขาวหรือ "หน้าดอก" ส่วนหางจะแบบคลี่คล้ายพัดและมีสีขาว ข้อเท้าทั้งสี่ตั้งแต่ใต้เข่าลงไปจะเป็นสีขาวเหมือนกับใส่ถุงน่อง ส่วนปากจะมีสีขาวนับตั้งแต่เหนือจมูกลงไป ปลายลิ้นมีปื้นสีดำ สำหรับกีบเท้าทั้ง 4 ขาจะยาวออกมาอย่างชัดเจน ควายที่มีลักษณะเช่นนี้พบน้อยมากจนแทบสูญพันธุ์
ความสำเร็จครั้งสำคัญของนักวิทยาศาสตร์ไทยจากคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ในการโคลนนิ่งควายในครั้งนี้จะนำไปสู่การอนุรักษ์พันธุ์ควายที่ดีของประเทศไทยต่อไป ทีมงานวิจัย จากศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตปศุสัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ประกอบด้วย นายเกรียงศักดิ์ ทาศรีภู น.ส.วรรณวิภา สุทธิไกร น.ส.ราตรี จินตนา น.ส.กิติยา ศรีศักดิ์วัฒนะ โดยมี รศ.สพ.ญ.ดร.อนงค์ บิณฑวิหค เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ และ ศ.มณีวรรณ กมลพัฒนะ เป็นที่ปรึกษาและผู้ริเริ่มโครงการ "โคลนนิ่งควายปลัก" ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2541
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย