ดราม่า เด็กราชภัฏเมนต์หวังสลับไปเรียนจุฬาฯ 1 เทอม พิสูจน์ว่ามีก็คุณภาพ เจอคนแคปไปเหยียดแบ่งชนชั้น โซเชียลโพสต์เตือนสติอีกมุมจนแชร์ทะลุ 1 หมื่น

กำลังเป็นดราม่าคุกรุ่นในโลกออนไลน์
กรณีผู้ใช้ทวิตเตอร์บางส่วนกล่าวถึงคนที่จบจากมหาวิทยาลัยราชภัฏไปในทางเหยียด
ส่งผลให้มีการถกเถียงว่าเหมาะสมหรือไม่
ที่จะไปดูถูกการศึกษาผู้อื่นโดยมองไม่ถึงปัจจัยที่เกิดปัญหาเหล่านี้
ดราม่าดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2565 กรณีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง ไปแคปคอมเมนต์หนึ่งจากเฟซบุ๊ก ที่ระบุใจความว่า ไม่อยากให้สังคมมองว่าคนที่จบราชภัฏนั้นไม่ฉลาดหรือไม่มีคุณภาพ เสนอให้พิสูจน์คุณภาพของเด็กราชภัฏด้วยการเปิดโครงการนักศึกษาแลกเปลี่ยน สลับเด็กจุฬาฯ และราชภัฏไปเรียนต่างมหาวิทยาลัยคนละ 1 เทอม โดยใช้คุณภาพการสอบตามสถาบันการเรียนนั้น ๆ พร้อมติดแฮชแท็ก #เรียนที่ไหนก็เหมือนกัน ซึ่งทวิตเตอร์ดังกล่าวมองคอมเมนต์นี้ว่า เรื่องแลกเปลี่ยนจะไม่ต้องเกิดขึ้นเลยหากคนคอมเมนต์สอบติดจุฬาฯ ตั้งแต่แรก
ดราม่าดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2565 กรณีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง ไปแคปคอมเมนต์หนึ่งจากเฟซบุ๊ก ที่ระบุใจความว่า ไม่อยากให้สังคมมองว่าคนที่จบราชภัฏนั้นไม่ฉลาดหรือไม่มีคุณภาพ เสนอให้พิสูจน์คุณภาพของเด็กราชภัฏด้วยการเปิดโครงการนักศึกษาแลกเปลี่ยน สลับเด็กจุฬาฯ และราชภัฏไปเรียนต่างมหาวิทยาลัยคนละ 1 เทอม โดยใช้คุณภาพการสอบตามสถาบันการเรียนนั้น ๆ พร้อมติดแฮชแท็ก #เรียนที่ไหนก็เหมือนกัน ซึ่งทวิตเตอร์ดังกล่าวมองคอมเมนต์นี้ว่า เรื่องแลกเปลี่ยนจะไม่ต้องเกิดขึ้นเลยหากคนคอมเมนต์สอบติดจุฬาฯ ตั้งแต่แรก



คนแห่แชร์โพสต์ บัณฑิตจุฬาฯ ดึงสติคนเหยียด เก่งเพราะมีโอกาสในสังคมที่ดีกว่าหรือไม่

ล่าสุด (25 กรกฎาคม) โลกออนไลน์ได้แชร์โพสต์ของ เดียร์ รวิสรา เอกสกุล บัณฑิตคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Ravisara Eksgool กล่าวถึงพฤติกรรมของคนบางกลุ่มที่นำคอมเมนต์ของเด็กราชภัฏมาขำกัน มองว่าเป็นคำพูดที่ใจร้ายมาก เนื่องจากเธอเข้าใจความรู้สึกที่เด็กราชภัฏไม่พอใจในสถานะของมหาวิทยาลัยตัวเอง เพราะสังคมตีตราว่าคนจบมานั้นไม่เก่ง เนื่องจากสอบไม่ติดมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังส่งผลให้อาจถูกเหยียด หรือปฏิเสธโอกาสต่าง ๆ จึงไม่แปลกใจที่พวกเขาจะรู้สึกโดนด้อยค่าตลอดเวลา
กรณีคำพูดท้าทายให้สอบให้ติดนั้นค่อนข้างใจร้าย เพราะเชื่อว่าคน 85% ที่สอบติดจุฬาฯ คือคนที่มีโอกาสในชีวิตดีกว่าคนอื่น เช่น เธอเองก็รู้ตัวแต่เด็กว่าไม่ใช่คนที่ฉลาดหัวไว แต่โชคดีที่ครอบครัวซัพพอร์ตส่งไปเรียนพิเศษ ช่วงปิดเทอมก่อนสอบเข้าเตรียมอุดมฯ ก็เช่าหอให้ไปเรียนในกรุงเทพฯ ในขณะที่เด็กต่างจังหวัดบางคนการได้เข้าเตรียมอุดม หรือ จุฬาฯ เป็นเรื่องไกลตัวมาก ซึ่งเธอเชื่อในศักยภาพของมนุษย์ มองว่าถ้าทุกคนได้รับการศึกษาที่ดีและเท่าเทียมกัน ทุกคนก็มีสิทธิที่จะได้แสดงศักยภาพในด้านที่ตนเองถนัดผ่านการบ่มเพาะจากการศึกษาที่ดี
สุดท้ายนี้มองว่า ค่านิยมการเข้าเรียนในสถานศึกษาชั้นนำคือความล้มเหลวของระบบการศึกษาไทย และคนที่ไปเหยียดผู้ซึ่งต้องการพิสูจน์ตัวเองจากภาพจำในแง่ลบ ก็ไม่ควรลืมว่าตัวเองมีโอกาสในสังคมที่ดีกว่า ก่อนจะไปขำที่ได้รู้สึกว่าตัวเองสูงส่งกว่าผู้อื่น
ความเห็นโซเชียลแบ่งเป็นสองฝั่ง โดนสังคมเหยียดจริงหรือเหยียดตัวเอง
ทั้งนี้ ภายหลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป มีการแชร์ไปกว่า 1 หมื่นครั้ง พร้อมกับตามมาด้วยการถกเถียงกันในโลกโซเชียลเป็นวงกว้างในมุมมองที่หลากหลาย ยกตัวอย่างเช่น
บางส่วนที่ปลายทางมาเรียนที่ราชภัฏ อาจเกิดจากความเหลื่อมล้ำเยอะกว่า ทั้งฐานะของครอบครัว หรือการศึกษาในโรงเรียนที่ไม่ดีเท่าโรงเรียนชั้นนำ ใช้เวลากับการทำมาหากิน ไม่มีโอกาสเรียนพิเศษ หลายคนยังต้องทำงานส่งตัวเองเรียนมหาวิทยาลัยควบคู่ไปด้วย จึงอยากได้วุฒิเพื่อมาพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้นในเบื้องต้น แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เปิดโอกาสมากกว่านี้
นอกจากนี้ หลายคนเปิดใจว่ารับสภาพอยู่แล้วว่าจบมาจะมีโอกาสน้อยกว่าคนที่จบ มหาวิทยาลัยชื่อดัง ด้วยค่านิยมของหลาย ๆ บริษัทในไทยซึ่งเลือกคนจากที่เรียนจบ แตกต่างจากในต่างประเทศที่จะสนใจแค่ว่าสามารถทำงานได้หรือไม่
ขณะที่บางคนมองว่าเรื่องนี้เกิดจากที่คนจบราชภัฏบางส่วนอาจเหยียดตัวเองไปก่อน หากมีความสามารถจริงก็คงยากที่จะถูกลดคุณค่า
ซึ่งบางส่วนยอมรับว่าไม่ควรมีการเหยียดกันจริง แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่ต้องไปสลับกันเรียน เพราะคนที่ที่มีโอกาสในชีวิตก็ไม่ได้ผิดอะไร และยิ่งการสอบเข้าจุฬาฯ ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายจริง ๆ เป็นต้น











