สพฐ. กำหนดปฏิทินการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2563 จัดสอบเข้าเรียน ม.1 และ ม.4 แบบ Social Distancing นั่งสอบห้องละ 20 คน นั่งห่างกันอย่างน้อย 1.5 เมตร สวมหน้ากาก และตรวจคัดกรองก่อนเข้าห้องสอบ
วันที่ 29 เมษายน 2563 เว็บไซต์ ศธ.360 เปิดเผยปฏิทินการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2563 ตามมติที่ประชุม ครม. โดยสถานศึกษาต้องเตรียมความพร้อม เพื่อรองรับการเปิดภาคเรียนที่ 1 ซึ่งต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 สำหรับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ดังนี้
ปฏิทินการรับนักเรียน
- รับสมัครนักเรียน ชั้น ม.1 และชั้น ม.4 ระหว่างวันที่ 3-12 พฤษภาคม 2563 ส่วนสถานศึกษาที่จัดการศึกษาพิเศษเพื่อเด็กพิการและผู้ด้อยโอกาส รับสมัครระหว่างวันที่ 3-31 พฤษภาคม 2563
- สอบ/คัดเลือก ชั้น ม.1 ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2563 และชั้น ม.4 ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2563
- ประกาศผลสอบ ชั้น ม.1 ในวันที่ 3 มิถุนายน 2563 และชั้น ม.4 ในวันที่ 4 มิถุนายน 2563
- รับรายงานตัว/มอบตัว ของนักเรียนทุกคน ชั้น ม.1 ในวันที่ 6-8 มิถุนายน 2563 และชั้น ม.4 ในวันที่ 9-11 มิถุนายน 2563 ทั้งนี้ อาจมีความยืดหยุ่นได้ แต่ต้องไม่เกินวันที่ 15 มิถุนายน 2563
- วิธีการสอบคัดเลือก โดยการจัดสอบ 100% ไม่มีการสอบทางออนไลน์ เพื่อป้องกันปัญหาการทุจริตที่จะเกิดขึ้น และจัดสอบให้แล้วเสร็จภายในครึ่งวัน (09.00-12.00 น.)
การจัดห้องสอบและอาคารสถานที่
- ในกรณีที่จัดสอบโดยใช้ห้องเรียน ให้จัดสอบไม่เกินห้องละ 20 คน และห่างกันอย่างน้อย 1.5 เมตร
- ในกรณีที่จัดสอบโดยใช้อาคารอเนกประสงค์ ให้ใช้วิธี Social Distancing เตรียมการจัดสถานที่ภายใต้แนวปฏิบัติการของกรมควบคุมโรค และให้นักเรียนทุกคนที่เข้าสอบสวมหน้ากากอนามัย มีมาตรการควบคุมก่อนเข้าห้องสอบ รวมถึงจัดให้มีห้องเพื่อให้นักเรียนรอก่อนเข้าสอบ และมีการเตรียมห้องไว้สำหรับนักเรียนที่เดินทางมาสอบยังสนามสอบหลักไม่ได้ด้วย
- ให้มีการกำหนดแผนผังอาคารสอบ แบ่งตามกลุ่มสาระวิชาอย่างชัดเจน แจ้งให้ผู้ปกครองทราบก่อนวันสอบคัดเลือก และขอความร่วมมือผู้ปกครองมาส่งและรับนักเรียนตามกำหนดโดยไม่พักคอย หากจำเป็นต้องพักคอย ต้องมีการคัดกรองและพักคอยในจุดที่โรงเรียนจัดไว้ให้
- เมื่อเสร็จสิ้นการสอบแล้ว อนุญาตให้นักเรียนออกจากห้องสอบทีละห้อง พร้อมกับเว้นระยะห่างระหว่างการเดิน เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการเว้นระยะห่างภายใต้สถานการณ์โรค COVID 19 อย่างไรก็ตาม มติ ครม. ให้เปิดภาคเรียนพร้อมกัน วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 สำหรับสถานศึกษาทุกสังกัด
ขอบคุณข้อมูลจาก ศธ.360

วันที่ 29 เมษายน 2563 เว็บไซต์ ศธ.360 เปิดเผยปฏิทินการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2563 ตามมติที่ประชุม ครม. โดยสถานศึกษาต้องเตรียมความพร้อม เพื่อรองรับการเปิดภาคเรียนที่ 1 ซึ่งต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 สำหรับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ดังนี้
ปฏิทินการรับนักเรียน
- รับสมัครนักเรียน ชั้น ม.1 และชั้น ม.4 ระหว่างวันที่ 3-12 พฤษภาคม 2563 ส่วนสถานศึกษาที่จัดการศึกษาพิเศษเพื่อเด็กพิการและผู้ด้อยโอกาส รับสมัครระหว่างวันที่ 3-31 พฤษภาคม 2563
- สอบ/คัดเลือก ชั้น ม.1 ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2563 และชั้น ม.4 ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2563
- ประกาศผลสอบ ชั้น ม.1 ในวันที่ 3 มิถุนายน 2563 และชั้น ม.4 ในวันที่ 4 มิถุนายน 2563
- รับรายงานตัว/มอบตัว ของนักเรียนทุกคน ชั้น ม.1 ในวันที่ 6-8 มิถุนายน 2563 และชั้น ม.4 ในวันที่ 9-11 มิถุนายน 2563 ทั้งนี้ อาจมีความยืดหยุ่นได้ แต่ต้องไม่เกินวันที่ 15 มิถุนายน 2563
- วิธีการสอบคัดเลือก โดยการจัดสอบ 100% ไม่มีการสอบทางออนไลน์ เพื่อป้องกันปัญหาการทุจริตที่จะเกิดขึ้น และจัดสอบให้แล้วเสร็จภายในครึ่งวัน (09.00-12.00 น.)
- ในกรณีที่จัดสอบโดยใช้ห้องเรียน ให้จัดสอบไม่เกินห้องละ 20 คน และห่างกันอย่างน้อย 1.5 เมตร
- ในกรณีที่จัดสอบโดยใช้อาคารอเนกประสงค์ ให้ใช้วิธี Social Distancing เตรียมการจัดสถานที่ภายใต้แนวปฏิบัติการของกรมควบคุมโรค และให้นักเรียนทุกคนที่เข้าสอบสวมหน้ากากอนามัย มีมาตรการควบคุมก่อนเข้าห้องสอบ รวมถึงจัดให้มีห้องเพื่อให้นักเรียนรอก่อนเข้าสอบ และมีการเตรียมห้องไว้สำหรับนักเรียนที่เดินทางมาสอบยังสนามสอบหลักไม่ได้ด้วย
- ให้มีการกำหนดแผนผังอาคารสอบ แบ่งตามกลุ่มสาระวิชาอย่างชัดเจน แจ้งให้ผู้ปกครองทราบก่อนวันสอบคัดเลือก และขอความร่วมมือผู้ปกครองมาส่งและรับนักเรียนตามกำหนดโดยไม่พักคอย หากจำเป็นต้องพักคอย ต้องมีการคัดกรองและพักคอยในจุดที่โรงเรียนจัดไว้ให้
- เมื่อเสร็จสิ้นการสอบแล้ว อนุญาตให้นักเรียนออกจากห้องสอบทีละห้อง พร้อมกับเว้นระยะห่างระหว่างการเดิน เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการเว้นระยะห่างภายใต้สถานการณ์โรค COVID 19 อย่างไรก็ตาม มติ ครม. ให้เปิดภาคเรียนพร้อมกัน วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 สำหรับสถานศึกษาทุกสังกัด
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก ศธ.360