ม. เกษตรศาสตร์ รับตรง นศ.ออทิสติก พบยอดเด็กพิเศษเพิ่มขึ้นเป็น1:150คน (ไทยโพสต์)
ม.เกษตรรับตรงนิสิต "ออทิสติก" ปี 54 รับทีเดียว 5 คน 5 คณะ แนะ ศธ.จัดระบบเด็กออทิสติกต่อเนื่อง ผลิตครูให้เพียงพอความต้องการ ปัจจุบันพบยอดเด็กโอทิสติกเพิ่มขึ้น 1:150 คน จากเดิม 5:10,000 คน ผู้ปกครองบ่นเสียค่าเล่าเรียน 2 เด้ง มากกว่าเด็กปกติ
รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) เปิดเผยว่า มก.เริ่มรับนักเรียนออทิสติกรุ่นแรกเมื่อปีการศึกษา 2534 โดยร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ ศ.พญ.เพ็ญแข ลิ่มศิลา และ รพ.ยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ จนกระทั่งปี 2545 มีนักเรียนออทิสติกรุ่นแรกจบ ม.ปลาย และ มก.ได้เปิดโอกาสให้เข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยโดยวิธีพิเศษ จนถึงขณะนี้มีนิสิตจบการศึกษาแล้ว 8 ราย สำหรับปีการศึกษา 2554 นี้ มก.เปิดโอกาสรับนักเรียนออทิสติกที่จบการศึกษาจากสถานศึกษาอื่นๆ เข้าเรียนในโครงการรับตรงโควตาพิเศษ จำนวน 5 คน ที่ผ่านมามีเด็กออทิสติกจบการศึกษาระดับปริญญาตรีไปแล้ว 8 คน และอีก 1 คน กำลังจะสำเร็จปริญญาโททางด้านโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยศิลปากรได้ส่งต่อไป
"ขณะนี้ถือว่ายังมีสถาบันการศึกษาที่เปิดรับเด็กพิเศษน้อยมาก เพราะขาดแคลนบุคลากรพิเศษที่จะมาดูแลเด็กออทิสติกหรือผู้ที่บกพร่องทางการเรียนรู้โดยเฉพาะ จึงอยากเสนอให้รัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีความต่อเนื่องในการให้ความสำคัญกับการศึกษาในเด็กออทิสติกและอยากให้สนับสนุนเงินทุนการศึกษาบุคลากรครู ที่ต้องไปฝึกอบรมเพิ่มในเรื่องการดูแลเด็กพิเศษ" อธิการบดี มก.กล่าว
รศ.ดร.ดารณี อุทัยรัตนกิจ ผู้ทรงคุณวุฒิ อดีตอาจารย์ใหญ่ รร.สาธิตแห่ง ม.เกษตรฯ คณะกรรมการในโครงการฯ กล่าวว่า จากข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขพบว่า ปัจจุบันประเทศไทยพบเด็กออทิสติกหรือเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้เพิ่มขึ้นในอัตรา 1 คนใน 150 คน จากเดิมที่พบ 1:10,000 คน ทำให้บุคลากรทางการศึกษาพิเศษ ครูและอาจารย์ที่ดูแลเด็กพิเศษโดยเฉพาะมีไม่เพียงพอต่อการดูแล ทำให้เด็กพิเศษเหล่านี้ไม่สามารถเข้าถึงการศึกษา และพัฒนาตัวเองให้อยู่ในสังคมได้อย่างคนปกติได้
ส่วนโครงการที่ ม.เกษตรฯ มีความพร้อมรับนิสิตออทิสติกเข้าศึกษาถึง 5 คณะ แต่มีนิสิตเข้ารับสมัครมาในโครงการเพียง 3 คณะ ได้แก่ คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาธุรกิจ และคอมพิวเตอร์ศึกษา และสาขาคหกรรมศาสตร์ศึกษาสาขาละ 1 ราย คณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาปรัชญาและศาสนา 1 ราย คณะสังคมศาสตร์ สาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา 1 ราย รวมปีนี้มีนิสิตออทิสติกเข้าศึกษาร่วมกับนิสิตปกติ 4 ราย โดยในระบบการศึกษาภายใต้โครงการนี้ ทั้ง 4 รายจะมีเพื่อนร่วมชั้นเรียนมาเป็นบัดดี้คอยให้คำแนะนำเรื่องการเรียน และให้คำปรึกษาเรื่องการใช้ชีวิตในสังคม
"บัดดี้จะต้องรายงานผลให้กับคณะกรรมการโครงการทราบถึงความเปลี่ยนแปลงของเพื่อน หรือมีข้อติดขัดปัญหาอื่นใด เพื่อจะได้หาวิธีแก้ปัญหาร่วมกัน เริ่มแรกการเรียนของเด็กพิเศษ อาจจะค่อยเป็นค่อยไปก่อนจะไม่ลงเรียนครบทุกวิชา เพื่อให้เด็กได้ปรับตัวเข้ากับสังคมเพื่อนใหม่ และไม่เรียนหนักจนเกินไป เด็กที่คัดเลือกมาส่วนใหญ่มีผลการเรียนที่ดีอยู่แล้ว มีไอคิวสูง แต่อาจจะยังขาดเรื่องของภาวะทางอารมณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ในบางครั้ง" รศ.ดร.ดารณีกล่าว
ด้านผู้ปกครองของนิสิตออทิสติกกล่าวว่า โครงการนี้ก็เป็นโครงการที่ดีที่ให้โอกาสเด็กทั่วไปที่ไม่ได้ศึกษาใน รร.สาธิตได้มีโอกาสเข้าศึกษา เพราะน้อยคนที่จะได้เข้ารับการศึกษาโดยที่ไม่ต้องสอบเข้า เพียงแต่มีใบรับรองจากแพทย์ว่าสามารถเรียนได้ โดยส่วนตัวเชื่อมั่นในการเรียนการสอนของ ม.เกษตรฯ ว่าสามารถดูแลลูกของตัวเองได้ แต่ติดตรงเรื่องของค่าใช้จ่ายในโครงการนี้ที่สูงเกินไปสำหรับเด็กหนึ่งคนที่จะเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัย โดยต้องเสียทั้งค่าเล่าเรียนตามปกติ และเสียค่าโครงการนี้ถือเป็นการเสีย 2 ต่อ แต่ก็ต้องยอมเสียเพื่อให้ลูกได้เรียนในรั้วมหาวิทยาลัย แต่หากเป็นเด็กออทิสติกคนอื่นที่ผู้ปกครองไม่มีเงินส่งเสียก็จะขาดโอกาสตรงนี้ไป ซึ่งถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้การเปิดโอกาสนี้เป็นการช่วยเหลือเด็กออทิสติกโดยแท้จริง เพื่อให้เด็กที่ไม่มีค่าเล่าเรียนได้รับโอกาสตรงนี้ด้วย.
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
