ไม่แก่เกินเรียน! เปิดใจคุณตามหาบัณฑิต วัย 87 ปี

รับปริญญา
 
ไม่แก่เกินเรียน! เปิดใจคุณตามหาบัณฑิต วัย 87 ปี (ไทยโพสต์)

          เปิดใจมหาบัณฑิตวัย 87 ปีเตรียมเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ม.รามคำแหง เผยเป็นคนใฝ่เรียนรู้ อยากใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิตไปหาเพื่อน และประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ฝึกสมองออกกำลังกาย แม้อายุมาก แต่ความจำดี สุขภาพแข็งแรง พร้อมแนะเคล็บลับทำให้อายุยืน

          เผยคุณตาอายุ 87 ปีไม่ยอมแพ้สังขารร่างกาย แม้จะอยู่ในช่วงบั้นปลายชีวิต แต่ด้วยความใฝ่เรียนรู้และต้องการใช้เวลาว่างให้มีคุณค่า จนกระทั่งสามารถสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท โครงการหลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการงานสาธารณะ รุ่นที่ 9 มหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยจะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในวันที่ 2 มีนาคม 2554 และมีพิธีซ้อมใหญ่ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้

          นายวุฒิ เกื้อชาติ มหาบัณฑิตผู้มีอายุมากที่สุดในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรประจำปีนี้ ให้ สัมภาษณ์ว่า กำลังจะมีอายุครบ 88 ปีในวันที่ 19 พฤษภาคม 2554 ปัจจุบันมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว ไม่ใช่คนแก่ที่ความจำเลอะเลือน ทุกวันนี้ชอบอ่านหนังสือค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม และติดตามข่าวสารบ้านเมืองอย่างใกล้ชิด เพราะต้องการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น นอกเหนือจากการศึกษาเล่าเรียนเพื่อให้มีความรู้และประสบการณ์ในชีวิตเพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังชอบทำงานสาธารณกุศลด้านต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมออีกด้วย

          มหาบัณฑิตวัย 87 ปี เล่าว่า เคยทำงานเป็นข้าราชการ เกษียณอายุเมื่อปี 2526 ในตำแหน่งผู้ช่วยสรรพากรจังหวัดชุมพร หลังจากนั้นก็ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไป โดยเปล่าประโยชน์ ไม่อยากเป็นคนแก่ที่ไร้คุณค่าในสายตาลูกหลาน จึงหันมาทำธุรกิจส่วนตัวและให้ลูก ๆ ได้มาช่วยงาน ในขณะเดียวกันตนก็ต้องการหาเพื่อนและประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้ชีวิต จึงไปสมัครเรียนปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ สาขาการปกครอง มหาวิทยาลัยรามคำแหง เรียนจบเมื่อปี 2549 ได้เกรดเฉลี่ย 3.20 ก่อนที่จะสมัครเรียนปริญญาโทเมื่อปี 2551 และเรียนจบในปี 2553 ได้เกรดเฉลี่ย 3.47

          "มีเพื่อนร่วมห้องเรียนถามว่าอายุมากขนาดนี้แล้วทำไมถึงยังเรียนอีก ผมก็ตอบไปว่า มาเรียนเพื่อหาความรู้เพิ่มเติม ได้เจอเพื่อนและอาจารย์มากขึ้น ทำให้ไม่รู้สึกเหงา ช่วยให้อายุยืน เพราะได้ฝึกสมองและออกกำลังกายให้สุขภาพแข็งแรง รวมทั้งยังเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกหลานเห็นความสำคัญของการศึกษา ช่วยให้เรามีปัญญา เป็นคนหูตาสว่างและมีความคิดกว้างไกล" คุณตาวุฒิเล่าด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ

          คุณตาวุฒิบอกอีกว่า ช่วงระหว่างเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงเป็นเวลานานหลายปี ตนเดินทางไปโดยรถเมล์ รถตู้และรถแท็กซี่โดยไม่ต้องมีลูกหลานขับรถยนต์พาไป สง เพราะไม่อยากให้เป็นภาระผู้อื่น ส่วนเคล็ดลับในการดูแลสุขภาพของตนเอง จะตื่นตั้งแต่ตี 5 ดื่มน้ำ 5 แก้ว แล้วออกกำลังกายประมาณ 1 ชั่วโมงที่สวนสาธารณะภายในหมู่บ้าน มีกิจกรรมเต้นแอโรบิกและรำมวยจีน และจะทำบุญตักบาตรทุกวันพระ กินอาหารที่มีประโยชน์พวกผัก ปลาและผลไม้ เน้นกินเยอะ ๆ มื้อเช้า ส่วนมื้อกลางวันกินข้าวน้อย มื้อเย็นไม่กินข้าว แต่กินเฉพาะผลไม้และดื่มนม และเข้านอนไม่เกิน 3 ทุ่ม

          "เวลาว่าง ๆ ถ้าไม่ได้ไปเรียนหนังสือก็จะอ่านหนังสือทบทวนวิชาที่อาจารย์สอนและอ่าน หนังสือพิมพ์ เพราะเป็นคนชอบเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจ สนใจสถานการณ์บ้านเมือง ถ้าผมอยู่ว่าง ๆ เมื่อไหร่ก็จะมีหนังสือติดมือตลอด ความรู้ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในห้องเรียนหรือครูบาอาจารย์เท่านั้น แต่อยู่ที่ตัวเราว่าจะสนใจใฝ่รู้มากน้อยแค่ไหน"

          คุณตาวุฒิยังกล่าวถึงภาวะสังคมไทยว่า คนไทยยังแยกแยะความดีกับความชั่วไม่ได้ เพราะขาดสติปัญญาเป็นสาเหตุให้บ้านเมืองเกิดวิกฤติ สังคมแตกแยกกันอย่างรุนแรง คนส่วนใหญ่เดินตามกระแสโดยไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่มีเหตุมีผล ทำให้ผู้อื่นจูงจมูกได้ง่าย ทุกวันนี้ตนใช้ชีวิตด้วยความเบิกบานแจ่มใส ไม่เครียด โดยยึดหลักคำสอนพระพุทธเจ้า คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา และพยายามสอนให้ลูกหลานเป็นคนขยัน ซื่อสัตย์และสุจริตเพื่อสังคมส่วนรวม สิ่งเหล่านี้อาจจะส่งผลให้ตนมีอายุยืนขนาดนี้ก็ได้


ขอขอบคุณข้อมูลจาก


เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ไม่แก่เกินเรียน! เปิดใจคุณตามหาบัณฑิต วัย 87 ปี อัปเดตล่าสุด 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 15:42:21 2,107 อ่าน
TOP
x close