เรียนฟรี เจอดีเด็ก ปวช. เวียนเทียนใช้สิทธิ์ (ไอเอ็นเอ็น)
ตะลึง! เรียนฟรีอาชีวะพบเด็ก ปวช.เวียนเทียนสมัครเรียนหลายที่ หวังใช้สิทธิ์เรียนฟรี ทำรัฐสูญเงินกว่าพันล้าน ยอดออกกลางคันพุ่ง เผยระบบมีช่องโหว่ใช้เลขบัตรประชาชน 13 หลัก จริงแต่ไม่เชื่อมโยงข้อมูล "นริศรา" รีบสั่งล้อมคอกสำรวจจำนวน นศ.ที่แท้จริงภายใน 15 พ.ย.
น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงผลการประชุมผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ที่ประชุมได้ติดตามผลการดำเนินโครงการ "เรียนฟรี เรียนดี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ" ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) มีการออกกลางคันเกิดขึ้นปีละประมาณ 20-30% ของจำนวนนักศึกษาในระดับดังกล่าว และมีการใช้สิทธิ์ซ้ำซ้อนในส่วนของค่าอุปกรณ์การเรียนที่รัฐจัดให้คนละ 230 บาทต่อภาคเรียน และค่าเครื่องแบบนักศึกษา 900 บาทต่อปี โดยงบประมาณในสองส่วนนี้สถานศึกษาได้ให้เงินนักศึกษาไปจัดซื้อเอง ซึ่งบางคนเมื่อได้เงินไปแล้วก็ไม่มาเรียน และบางคนก็ได้ไปสมัครเรียนที่สถาบันอาชีวศึกษาแห่งอื่น ประกอบกับแต่ละวิทยาลัยจะเป็นผู้กำหนดเลขประจำตัวนักศึกษากันเอง ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าใครใช้สิทธิ์เรียนฟรี 15 ปีในระดับใดไปแล้วบ้าง ถึงแม้ว่าแต่ละแห่งจะมีการบันทึกเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลักของนักศึกษาไว้ แต่ก็ไม่มีการเชื่อมโยงข้อมูลเข้าหากัน ดังนั้นตนจึงได้ให้นโยบายผู้บริหาร สอศ.ไปสำรวจข้อมูล และสั่งให้สถานศึกษารายงานจำนวนนักศึกษาที่แท้จริงมาภายในวันที่ 15 พ.ย.นี้ ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวได้มีการสั่งการไปประมาณ 2 เดือนแล้ว แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีข้อมูลย้อนกลับเข้ามา
"ขณะนี้มีกลุ่มคนหัวหมอมาสมัครเรียนอาชีวะ เพราะสถานศึกษาในสังกัด สอศ.มีการจัดการเรียนการสอนทั้งในระบบปกติและการเทียบโอนหน่วยกิต ซึ่งทั้งหมดจะได้รับเงินจากโครงการเรียนฟรี ในส่วนของค่าเครื่องแบบนักศึกษาและอุปกรณ์การเรียนรวมกว่า 1,100 บาท เมื่อมารับเงินแล้วก็หายไปไม่เข้าเรียน หากสถานศึกษาไม่ให้เงินก็จะฟ้องร้องว่าไม่ให้เงินเรียนฟรีอีก และมีการหมุนเวียนไปสมัครในสถานศึกษาแห่งใหม่เพื่อรับเงินอีก และเมื่อรวมกับงบเรียนฟรีในส่วนของค่าหนังสือเรียน 1,000 บาทต่อภาคเรียน ค่ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 475 บาทต่อภาคเรียน และค่าเล่าเรียนในอัตราของสาขาต่าง ๆ หากสถานศึกษาเบิกไปแล้วไม่ส่งคืน ก็จะทำให้รัฐสูญเสียงบในส่วนนี้เกือบพันล้านบาท" น.ส.นริศรากล่าว
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะยาว ตนได้สั่งการให้วิทยาลัยทุกแห่งจัดตั้งศูนย์ดูแลนักเรียน นักศึกษา และนักเรียนที่ออกกลางคัน ขณะเดียวกันศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศของ สอศ.ที่ส่วนกลางก็จะจัดเก็บและรวบรวมประวัตินักศึกษาอาชีวะแต่ละคน และนับตั้งแต่ปีการศึกษา 2554 เป็นต้นไป สอศ.จะเป็นผู้กำหนดหมายเลขประจำตัวนักศึกษาทุกคน โดยยึดตัวเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก และเชื่อมโยงข้อมูลกันระหว่างศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศกับวิทยาลัยทุกแห่ง เพื่อจะได้ทราบว่านักศึกษาใช้สิทธิ์โครงการเรียนฟรีในชั้นปีใดไปแล้วบ้าง และจะไม่ได้ใช้สิทธิ์ในชั้นปีนั้นอีก แม้จะมีการเปลี่ยนวิทยาลัยก็ตาม ในส่วนของผู้บริหารสถานศึกษาที่มีเด็กออกกลางคัน เนื่องจากกรณีต่าง ๆ ก็คงต้องตรวจสอบได้ว่ามีการคืนเงินกลับมาที่ส่วนกลางหรือไม่ จะยังไม่มีการเอาผิดเพราะต้องดูที่เจตนาเป็นหลัก
น.ส.นริศรา กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังได้รับการร้องเรียนเข้ามามากว่า สถานศึกษายังมีการเรียกเก็บเงินเพิ่มเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในส่วนของการเรียนแบบเทียบโอนในระดับ ปวช. ทั้งที่เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเรียนฟรีเช่นกัน ซึ่งจะไม่มีการเก็บค่าเล่าเรียน ยกเว้นการระดมทรัพยากรที่เป็นค่าใช้จ่ายด้านการให้บริการแก่ผู้เรียน ดังนั้นตนจึงได้มอบหมายให้ สอศ.ไปกำหนดให้ชัดเจนว่าจะสามารถระดมทรัพยากรได้ในกี่ประเภท และในอัตราไม่เกินเท่าใด โดยให้เริ่มมีผลตั้งแต่ปีการศึกษา 2554 เช่นกัน และหากผู้บริหารสถานศึกษาไม่ปฏิบัติตามก็จะต้องมีการลงโทษ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
