งัดไม้นิ่มล้อมคอกเด็กตีกัน (ไทยโพสต์)
สช. ผุดมาตรการล้อมคอกเด็กตีกัน งึมงำจะเอาจริงแล้วนะ! เงอะงะงัดมาตรการเก่าๆ มาใช้ ทั้งขึ้นบัญชีหัวโจก สอนหน้าที่พลเมือง ให้ความรู้เรื่องกฎหมาย พาทัวร์คุก หวังนักเลงนักเรียนขนหัวลุก ไม่กล้าตีกัน
เมื่อวันที่ 20 ก.ค.นายชาญวิทย์ ทับสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้ประชุมร่วมกับผู้บริหาร รร.อาชีวศึกษาเอกชนในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อกำหนดแนวทางร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาการก่อเหตุทะเลาะวิวาทของนักศึกษา โดยที่ประชุมได้กำหนดแนวทางแก้ปัญหาระยะเร่งด่วน 3 แนวทาง ดังนี้
ระยะที่ 1. จัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนอย่างใกล้ชิด โดยทุกสถานศึกษาจะต้องมีข้อมูลพื้นฐานของนักเรียน นักศึกษา มีการคัดกรองแบ่งประเภทนักเรียน นักศึกษาที่อยู่กลุ่มเสี่ยง ซึ่งมีอยู่ประมาณ 1-2% เท่านั้น โดย สช.กำหนดเป้าหมายว่าในปีงบประมาณ 2554 หรือภาคเรียนที่ 2/2553 นี้ จะวางระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนอย่างจริงจัง
ระยะที่ 2. คือการบูรณาการหลักสูตรการเรียนการสอนในเรื่องพลเมืองศึกษาที่จะต้องนำมาบรรจุและสอนเพื่อเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรมแก่ผู้เรียน นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นร่วมกันว่าควรจะต้องเพิ่มเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายเบื้องต้น เนื่องจากพบว่าการก่อเหตุของนักเรียน นักศึกษาส่วนใหญ่นั้นทำไปโดยไม่ยั้งคิด อีกทั้งไม่รู้ไม่เข้าใจว่าการก่อเหตุที่รุนแรงนั้นจะต้องได้รับการลงโทษทางกฎหมายอย่างไรบ้าง ดังนั้นจึงต้องสอนให้รู้และเข้าใจเพื่อให้เกิดความเกรงกลัว และจะพานักเรียน นักศึกษาไปดูความเป็นอยู่ของผู้ที่หลงกระทำผิดที่ในสถานพินิจ หรือบ้านเมตตา เพื่อให้เกิดความตระหนักมากขึ้น และระยะที่ 3.เน้นย้ำทุก รร.ให้กวดขันเรื่องการแต่งกายเครื่องแบบที่ส่อไปในทางยั่วยวน
"ที่ผ่านมา รร.ได้มีการกำหนดมาตรการของ รร.อยู่แล้ว แต่อาจจะยังไม่ได้ผลดี แต่ในครั้งนี้เราจะแบ่งโซนร่วมกันรับผิดชอบออกเป็น 4 โซนครอบคลุม รร.อาชีวศึกษาเอกชนทั้งหมด 101 โรง โดยจะร่วมกันดูแลติดตามร่วมกับผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตาม แม้ครั้งนี้ รร.เอกชนมาประชุมไม่ครบทั้งหมดแต่ผมก็ได้เน้นย้ำแล้วว่าหากมีเหตุการณ์การทะเลาะวิวาทผมจะเอาจริงจังในการลงโทษแน่นอน ซึ่งหากก่อเหตุซ้ำซากคงต้องสั่งหยุดการรับนักเรียน และหากยังไม่ดีขึ้นก็จะถึงขั้นสั่งปิด รร." นายชาญวิทย์กล่าว และว่าตนจะเสนอแนวทางแก้ปัญหาทั้ง 3 ประการนี้ต่อที่ประชุม 5 องค์กรหลักอีกครั้ง.
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
