x close

เรื่องที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับ มานี มานะ หลังเรียนจบแต่ละคนมีชีวิตอย่างไร ต้องอ่าน



เรื่องที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับ มานี มานะ หลังเรียนจบแต่ละคนมีชีวิตอย่างไร ต้องอ่าน !

เรื่องที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับ มานี มานะ หลังเรียนจบแต่ละคนมีชีวิตอย่างไร ต้องอ่าน !

             แบบเรียน มานี มานะ กับเรื่องที่คุณยังไม่รู้ ตั้งแต่พื้นเพชีวิตวัยเด็ก รวมถึงชีวิตหลังเรียนจบ แต่ละคนมีชีวิตอย่างไรบ้าง สุขสมหวังหรือเปล่า ต้องอ่าน

             เป็นแบบเรียนภาษาไทยในตำนาน ที่เด็กไทยยุคก่อนได้ใช้ประกอบการเรียนการสอน ซึ่งต้องบอกเลยว่า เนื้อหาของบทเรียนและตัวละครทุกตัว ยังคงเป็นที่ตราตรึงใจให้กับทุกคนที่เคยอ่าน เนื่องจากตัวละครทุกตัวคล้ายกับว่า..จะเติบโตไปตามผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนอินกับเนื้อเรื่องเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าทั้งได้ความรู้.. และได้ทั้งความสนุก แฝงข้อคิด อีกทั้งบางช่วงบางตอนยังมีเรื่องราวดราม่า ซึ่งถือเป็นแบบเรียนที่สร้างความประทับใจให้กับคนรุ่นก่อน ๆ เป็นอย่างมาก

             ส่วนวันนี้ (17 กุมภาพันธ์ 2559) เราขอพาทุกท่านย้อนอดีตไปรู้จักกับตัวละครในแบบเรียนดังกล่าวมาให้รู้จักกันแบบเจาะลึกสักหน่อย โดยทางเพจ มานะ มานี ปิติ ชูใจ ก็ได้นำประวัติของเหล่าตัวละคร (ประพันธ์เนื้อหาภาคต่อทั้งหมดโดย คุณรัชนี ศรีไพรวรรณ ผู้ประพันธ์เนื้อหาในแบบเรียน)  เชื่อเลยว่าคุณต้องไม่เคยรู้ที่ไหนมาก่อน มาดูกันว่าพวกเขาเป็นใครมาจากไหน และหลังจากเรียนจบแต่ละคนมีชีวิตอย่างไรบ้าง รับรองว่าเติมเต็มจินตนาการในวัยเยาว์ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว..

"มานี รักเผ่าไทย"

เรื่องที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับ มานี มานะ หลังเรียนจบแต่ละคนมีชีวิตอย่างไร ต้องอ่าน !

             หลังจบชั้น ป.6 เป็นคนเดียวในรุ่นเดียวกันที่ได้ไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ โดยมานะพี่ชายไปเรียนก่อนล่วงหน้าแล้ว ได้ไปพักอยู่ที่บ้านของลุงและป้าแถว ๆ ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เขตบางซื่อ ส่วนเจ้าโตก็ไม่ได้ตามมานีไปกรุงเทพฯ ด้วย มันซึมไปหลายวันที่มานีไม่อยู่ แต่โตก็ไม่เป็นอะไรเพราะยังอยู่กับพ่อและแม่

             มานีเรียนจนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สายสามัญ และสามารถสอบ Entrance เข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ ได้ศึกษาต่อในคณะแพทยศาสตร์ หลังจากนั้นอีก 7 ปี ได้เริ่มทำงานและบรรจุเป็นแพทย์ในโรงพยาบาลของรัฐ ในเวลาต่อมาได้ย้ายมาเป็นแพทย์ที่โรงพยาบาลประจำอำเภอที่เป็นบ้านของเธอเอง มานีได้พักอยู่ที่บ้าน ได้อยู่ดูแลพ่อแม่ไปด้วย ในขณะที่หน้าที่การงานมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อมานีอายุ 29 ปี ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่เธอทำงานอยู่ ...

             แพทย์หญิงมานี รักเผ่าไทย เป็นที่รักของเจ้านาย เพื่อนร่วมงานและลูกน้อง มีความสามารถสูงและทำงานเก่ง และตั้งใจปฏิบัติงานในฐานะแพทย์ รองผู้อำนวยการ และเป็นคนกตัญญูกตเวทีกับบิดามารดา ทำหน้าที่ของลูกที่ดีอย่างเต็มกำลัง

             แม้ว่าชูใจ เพื่อนรักจะใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ และแทบจะไม่ได้กลับมาเยี่ยมเธอเลย แต่ก็ยังติดต่อกันเรื่อยมาและพูดคุยกันโดยตลอด ชูใจและมานียังคงเป็นเพื่อนรักกันเสมอนับแต่นาทีแรกที่ได้รู้จักกันเมื่อเธอทั้งสองยังไม่เข้าเรียนประถม หรือตอนไหน ๆ ก็มิอาจทำให้มิตรภาพของทั้งสองเสื่อมคลายลงไปแม้แต่นิดเดียว ....

ชูใจ เลิศล้ำ

เรื่องที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับ มานี มานะ หลังเรียนจบแต่ละคนมีชีวิตอย่างไร ต้องอ่าน !

             เกิดมาได้แค่เพียงวันเดียว ยังไม่ทันจะได้ลืมตาดูโลก ดวงหทัยผู้เป็นแม่ก็ทอดทิ้งเธอไป เพราะดวงหทัยนั้นเป็นลูกของเศรษฐีมีเงิน เจ้าของธุรกิจเครื่องหนังส่งออกในกรุงเทพฯ ที่ไม่อยากให้ลูกสาวของตนมาลำบากลำเค็ญกับบัณฑิตบ้านนอกที่ไม่ร่ำรวยอย่างนายเชิด

             แม้ว่าทั้งนายเชิดและดวงหทัยจะรักกันมากเพียงใดนับตั้งแต่สมัยเรียนในมหาวิทยาลัยก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องมีอันต้องพลัดพรากจากกัน ตามคำขาดของพ่อแม่ฝ่ายหญิงที่บอกว่า หลังจากคลอดลูกแล้วจะส่งเธอไปอยู่ต่างประเทศทันที และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ดวงหทัยทำได้เพียงตั้งชื่อให้ลูกสาวตัวน้อยเท่านั้นว่า "ชูใจ" ปล่อยให้ภาระนี้ตกเป็นของนายเชิดผู้เป็นพ่อเลี้ยงดูโดยลำพัง

             เมื่อชูใจเริ่มโตขึ้น ย่าจำเป็นต้องปิดบังความจริงว่าแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ เพราะกลัวว่าชูใจจะเสียใจที่แม่ทิ้งเธอไป หลายปีต่อมา นายเชิดได้อาสาออกไปตามหาพ่อของตน (ปู่ของชูใจ) และตาของปิติที่ได้หายตัวไประหว่างออกหาของป่าก่อนหน้านี้

             แต่วันแล้ววันเล่ากลับพบว่านายเชิดได้หายตัวไปอีกคน ไม่ได้กลับมาเป็นเวลาหลายเดือน ซึ่งตอนหลัง มานีได้พบว่าทั้งนายเชิด ปู่ของชูใจ และตาของปิติได้เสียชีวิตแล้ว โดยมานีได้พบซากโครงกระดูกของทั้งสามนอนตายอยู่ในถ้ำเดียวกันในป่าลึก และที่กระเป๋าเสื้อของนายเชิดยังพกภาพของชูใจอยู่ตลอดเวลาด้วย แต่มานีก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชูใจเพราะย่าได้ขอร้องไว้ว่าให้ปิดบังไว้ก่อน

             ชูใจนั้นเป็นคนนิสัยร่าเริง ชอบงานศิลปะและการฟ้อนรำ ชูใจเป็นเพื่อนกับมานีก่อนที่เธอทั้งสองจะเข้าเรียน ป.1 ได้ 1 ปี เพราะครอบครัวมานีเพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่บ้านที่อยู่ติดกันได้ไม่นาน

             ชูใจเลี้ยงแมวไทย โดยย่าเป็นคนตั้งชื่อให้ว่า "สีเทา" เพราะมีขนสีเทาทั้งตัว ชูใจรักสีเทามาก เวลาไปไหนมักจะอุ้มสีเทาไปด้วยเสมอ และสีเทาก็ติดชูใจมากเป็นที่สุด

             วันหนึ่ง ดวงหทัยแม่ของชูใจได้กลับมารับชูใจให้ไปอยู่ด้วยกันที่ต่างประเทศ ทำให้ชูใจงงและตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาย่าบอกเธอเสมอว่าแม่ของเธอได้เสียชีวิตตั้งแต่เธอเกิด แต่สุดท้ายชูใจก็เลือกอยู่กับย่าต่อไป

             เมื่อเรียนจบชั้น ป.6 ได้ไม่นาน ชูใจก็ต้องพบกับความสูญเสียอีกครั้ง เมื่อย่าที่ได้เลี้ยงดูเธอมานับสิบปีได้เสียชีวิตลง ชูใจเสียใจเป็นอย่างมาก ทำให้เธอต้องย้ายไปอยู่กับแม่ของเธอที่เมืองเพิร์ท ประเทศออสเตรเลีย และได้เรียนหนังสือระดับมัธยมที่นั่น ชูใจไม่สามารถพาสีเทาไปอยู่ด้วยได้ จำเป็นต้องฝากไว้กับอาชัยและอาแฉล้มช่วยเลี้ยงดูและให้อาหาร เพราะกฎหมายการนำสัตว์เลี้ยงเข้าประเทศออสเตรเลียนั้นเข้มงวด นับเป็นเรื่องที่ชูใจต้องเสียใจมาก ๆ เป็นหนที่สองในเวลาเพียงไม่กี่วัน

             ระหว่างที่ไม่มีชูใจ สีเทามักจะหนีออกจากบ้านครั้งละหลาย ๆ เดือน สีเทาไม่ยอมกินอาหารและมีอาการเศร้าซึมเป็นที่สุด และพยายามจะตามหาชูใจ ภาพเหตุการณ์นี้ สร้างความเศร้าสลดหดหู่ให้กับคนที่ได้พบเห็นในละแวกนั้นเป็นอย่างมาก ไม่เว้นแม้กระทั่งอาชัย อาแฉล้ม หรือพ่อและแม่ของมานี

             เวลาผ่านไป ชูใจได้เรียนจบด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์เครื่องหนังที่ประเทศออสเตรเลีย และเข้าทำงานที่บริษัทเครื่องหนังของพ่อเลี้ยงของเธอ ต่อมาได้พบรักและแต่งงานกับปีเตอร์ ลูกชายของรองประธานบริษัทที่เธอทำงานอยู่

             17 ปีให้หลัง ชูใจได้กลับมาบ้านเกิดอีกครั้ง เมื่อพบกับมานีเพื่อนรัก เธอโผเข้าไปกอดกับแพทย์หญิงมานีและร้องไห้อย่างหนัก แม้ว่าจะติดต่อกันโดยตลอดแต่นี่คือการพบกันครั้งแรกนับตั้งแต่เรียนจบชั้นประถม อีกไม่นานเธอทั้งสองรวมทั้งพันตรี มานะ รักเผ่าไทย พี่ชายของมานี จะได้ไปพบปิติที่จังหวัดลำปาง เพื่อร่วมแสดงความยินดีกับปิติที่จะได้แต่งงานกับเจ้าสาวที่คบหากันมาตั้งแต่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (เจ้าสาวของปิติเป็นลูกสาวของผู้มั่งคั่งในจังหวัดลำปาง)

             ชูใจได้กลับไปใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวที่เมืองเพิร์ท บ่อยครั้งที่คุณยายและคุณตาของเธอจะไปเยี่ยมเธอที่ออสเตรเลีย บัดนี้ชูใจได้ทุกสิ่งทุกอย่างมาแล้ว หลายอย่างดีขึ้น แม้ไม่มีพ่อ ไม่มีย่า ไม่มีสีเทาเพื่อนรักต่างพันธุ์เหมือนแต่ก่อน แต่ก็ทำให้เธอมีความสุขไม่น้อย เธอตระหนักว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสัจธรรม เมื่อพบย่อมมีพลัดพราก ชูใจจะเก็บความทรงจำดี ๆ เหล่านี้ไว้เสมอ จะเก็บเรื่องราว ความทรงจำดี ๆ มิตรภาพที่ดีของเพื่อน ๆ ทั้งมานี ปิติ และคนอื่น ๆ ไว้ตลอดไป ไม่นานเธอจะกลับมาพบเพื่อนของเธออีกแน่นอน .....

ปิติ พิทักษ์ถิ่น

เรื่องที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับ มานี มานะ หลังเรียนจบแต่ละคนมีชีวิตอย่างไร ต้องอ่าน !

             อายุและวัยเดียวกันกับมานีและชูใจ รู้จักกับมานีครั้งแรกตอนมานีย้ายมาอยู่บ้านข้าง ๆ บ้านของชูใจตั้งแต่ตอน 6 ขวบ ก่อนที่จะเข้าโรงเรียน ปิติมีม้าชื่อ "เจ้าแก่" เวลาไปไหนปิติจะควบม้าคู่ใจไปด้วยเสมอ

             ตอนเรียนอยู่ชั้น ป.2 ปิติต้องเสียใจอย่างมากเพราะเจ้าแก่ม้าคู่ใจได้ป่วยตาย ทำให้ซึมและเศร้าโศกไปหลายวัน เพื่อน ๆ ต้องคอยช่วยกันให้กำลังใจปิติอยู่นานโข

             เมื่อเรียนอยู่ชั้น ป.4 ปิติก็ได้เริ่มมาเลี้ยงปลานิล และเลี้ยงได้ดีจนสามารถใช้ประกอบอาหารกินเองที่บ้าน แบ่งให้ญาติพี่น้อง และให้ยายทำอาหารไปถวายพระ หรือแม้กระทั่งนำไปขายในตลาดมีรายได้อีกด้วย จนมีเงินเก็บและนำไปฝากธนาคาร ปิติได้นำเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการขายปลานิลไปซื้อสลากออมสินตามคำแนะนำของอาทวีป เกษตรอำเภอ จนโชคดีถูกสลากออมสินรางวัลที่ 3 ได้เงินจำนวน 1 หมื่นบาท ปิติได้แบ่งเงินบางส่วนที่ได้มาจากการถูกรางวัลไปซื้อม้าตัวใหม่มาเลี้ยงแทนเจ้าแก่ ตั้งชื่อให้ว่า "เจ้านิล"

             เมื่อเรียนจบชั้น ป.6 แล้วปิติก็ได้เรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น และได้มีโอกาสไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จนได้พบรักกับแฟนสาวที่เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน และเป็นลูกสาวของผู้มั่งคั่งในจังหวัดลำปาง พอจบระดับปริญญาตรีทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกัน และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ณ บ้านเกิดของภรรยา

             ในวันที่ปิติแต่งงาน ชูใจที่ไปใช้ชีวิตและแต่งงานอยู่ที่เมืองเพิร์ท ประเทศออสเตรเลีย ก็ได้กลับมาแสดงความยินดีด้วยถึงจังหวัดลำปาง และแน่นอนทั้งแพทย์หญิงมานี และพันตรี มานะ รักเผ่าไทย ก็ไม่พลาดจะไปร่วมงานด้วยเช่นกัน

มานะ รักเผ่าไทย

 เรื่องที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับ มานี มานะ หลังเรียนจบแต่ละคนมีชีวิตอย่างไร ต้องอ่าน !

             พี่ชายแท้ ๆ ของมานี เป็นตัวอย่างของพี่ชายที่แสนดี เชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่เสมอ คอยให้การช่วยเหลือน้องสาวหรือเพื่อน ๆ มาโดยตลอด มานะมีพ่อและแม่เป็นแบบอย่างมาโดยตลอด

             มานะนั้นอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับวีระเพื่อนรัก เมื่อวีระไปไหน หรือทำอะไรมักจะมีมานะอยู่และไปด้วยเสมอ

             เมื่อเรียนจบชั้น ป.6 มานะได้ไปเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่กรุงเทพฯ โดยพักอยู่ที่บ้านลุงและป้าย่านบางซื่อ (เพราะลุงและป้าไม่มีลูกเลยอยากให้มานะไปเรียนและอยู่ด้วย) ตอนที่เรียนอยู่ ม.1 มานะได้เขียนจดหมายไปแสดงความยินดีกับมานีที่ได้รับเลือกให้เป็นรองประธานนักเรียนด้วย นี่คือกำลังใจที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้มานีภูมิใจในตัวพี่ชายคนนี้เสมอมา

             เมื่อมานะอยู่ชั้น ม.4 สามารถสอบเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนเตรียมทหารได้ เป็นที่เชิดหน้าชูตาของวงศ์ตระกูลเป็นอย่างมาก ก่อนที่จะได้เข้าไปเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหารอยู่ 2 ปี และเข้าโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าอีก 5 ปี เมื่อจบออกมา มานะได้ติดยศร้อยตรี เป็นนายทหารสัญญาบัตร

             มานะได้บรรจุรับราชการทหารนับแต่นั้นเรื่อยมาอาชีพรับใช้ชาติของมานะนั้นสร้างความภูมิใจให้กับพ่อแม่และญาติพี่น้องเป็นที่สุด หลังจากนั้น มานะก็ได้รับการประดับยศเป็น "พันตรี มานะ รักเผ่าไทย" ซึ่งถือว่าเป็นยศของนายทหารระดับสูง ...

วีระ ประสงค์สุข

เรื่องที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับ มานี มานะ หลังเรียนจบแต่ละคนมีชีวิตอย่างไร ต้องอ่าน !

             พ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่เด็ก พ่อวีระเป็นทหารรับใช้ชาติถูกโจรเขมรยิงเสียชีวิตตั้งแต่วีระเกิดได้เพียง 15 วัน หลังจากนั้นแม่ก็มาตรอมใจและตายตามไปอีกคน

             ลุงทรัพย์ (ลุงชม) และป้านวล ซึ่งเป็นลุงและป้าแท้ ๆ จึงรับวีระมาเลี้ยงดูนับแต่นั้น วีระมีลิงแสมอยู่ 1 ตัวให้ชื่อว่า "เจ้าจ๋อ"

             วีระมีนิสัยชอบสืบสวนและมักทำตัวเป็นนักสืบ ความฝันในวัยเด็กคืออยากเป็นตำรวจจับผู้ร้าย เคยไปดักซุ่มและชี้เบาะแสให้ตำรวจทลายโรงงานผลิตธนบัตรปลอมมาแล้วที่หมู่บ้านเนสต้าวิลล์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านจัดสรรที่คนรวย ๆ มักจะมาซื้อเก็บไว้หรือกรณีที่มีการแอบแฝงทำโรงงานเพื่อทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย

             นอกจากนี้ วีระยังมีความเป็นผู้นำ คอยให้การช่วยเหลือเพื่อน ๆ และน้อง ๆ มาโดยตลอด โดยเฉพาะเพชรนั้น วีระมักจะคอยให้การช่วยเหลือในหลาย ๆ เรื่องเปรียบเสมือนเพื่อนหรือน้องชายแท้ ๆ ของตน ช่วยสอนหนังสือให้เพชรเป็นประจำระหว่างที่ครอบครัวของเพชรมาอาศัยอยู่ที่สวนหลังบ้านลุงชม ก่อนที่เพชรได้เข้าเรียนในโรงเรียน (เพชรเรียนหนังสือช้า)

             วีระเป็นเด็กรุ่นเดียวกันกับมานะ พอจบชั้น ป.6 วีระก็ได้ไปเรียนต่อที่โรงเรียนมัธยมประจำอำเภอที่อยู่ไม่ห่างจากบ้านและโรงเรียนประถมมากนัก ในขณะที่มานะเพื่อนรักได้ย้ายไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ โดยไปอาศัยอยู่ที่บ้านของลุงกับป้า

             วีระเป็นคนอาภัพตั้งแต่เด็ก แม้แต่ตอนอายุประมาณ 30 ปี กลับต้องเป็นคนเสียสติเลอะเลือน กลายเป็นคนติดเหล้าเพราะภรรยาที่รักได้ทิ้งไป แม้ไม่มีลูกให้ต้องตกเป็นภาระกับคนรอบข้าง แต่ก็ไม่วายต้องเป็นหน้าที่ของเพชร และลุงกับป้าที่ต้องมาคอยดูแลอยู่ตลอดเวลา ...

เรื่องที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับ มานี มานะ หลังเรียนจบแต่ละคนมีชีวิตอย่างไร ต้องอ่าน !

เรื่องที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับ มานี มานะ หลังเรียนจบแต่ละคนมีชีวิตอย่างไร ต้องอ่าน !

เรื่องที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับ มานี มานะ หลังเรียนจบแต่ละคนมีชีวิตอย่างไร ต้องอ่าน !

ภาพและข้อมูลจาก เพจ มานะ มานี ปิติ ชูใจ

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เรื่องที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับ มานี มานะ หลังเรียนจบแต่ละคนมีชีวิตอย่างไร ต้องอ่าน อัปเดตล่าสุด 14 มิถุนายน 2560 เวลา 14:32:36 87,648 อ่าน
TOP