เด็กปลอมเอกสารโอเน็ตสุดเนียน (ไทยโพสต์)
สทศ.หวั่นถูกปลอมเอกสาร หลังเด็กหัวหมอร้อง สอท.คะแนนโอเน็ตไม่ตรงตามจริง ทำพลาดadmission เผยใบร้องทำเนียนมาก จนต้องสั่งฝ่ายไอทีหาตรวจสอบหาข้อเท็จจริงด่วน! ขณะที่วิศวะ มก.ยืนยันไม่คืนสิทธิ์ให้เด็ก เพราะทำตามประกาศคณะ
หลังจากที่สมาคมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (สอท.) ได้ประกาศผลการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาในระบบกลางหรือ admission ประจำปีการศึกษา 2553 ไปเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา ผลปรากฏว่าจนถึงวันนี้ (10 พ.ค.) มีนักเรียนและผู้ปกครองได้ร้องเรียนมาที่ สอท. ประมาณ 120 ราย ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ยังเป็นเรื่องของการถูกตัดสิทธิ์แอดมิชชั่นกลาง เนื่องจากเด็กติดรับตรงแล้ว และทาง สอท.ได้แนะนำให้นักเรียนกลับไปติดต่อกับทางมหาวิทยาลัย
ส่วนกรณีที่มีนักเรียนร้องเรียนว่าติดรับตรงคณะวิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) โดยอ้างว่าขอสละสิทธิ์รับตรงเพื่อแอดมิชชั่นกลาง แต่ทางมหาวิทยาลัยไม่ยอม และที่สำคัญมหาวิทยาลัยไม่ได้มีการแจ้งวันให้นักศึกษาสละสิทธิ์ที่ชัดเจน จนทำให้นักเรียนดังกล่าวเสียสิทธิ์นั้น นายนนทวัฒน์ จันทร์เจริญ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มก.กล่าวว่า ทางคณะไม่มีการประกาศให้มาสละสิทธิ์ แต่มีหนังสือให้ผู้ผ่านการคัดเลือกมายืนยันสิทธิ์การเข้าศึกษาต่อภายในวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา และหนังสือนี้ยังกำหนดไว้ชัดเจนว่า ภายหลังจากที่มีการยืนยันสิทธิ์ ผู้สมัครจะไม่มีสิทธิ์ในการสมัครเข้าศึกษาต่อ ผ่านทางระบบแอดมิชชั่นกลาง และให้นักเรียนเซ็นรับทราบด้วย ซึ่งที่ผ่านมามีนักศึกษามาสละสิทธิ์ 10 คน แต่กรณีที่ร้องเรียน สอท.นั้นมาสละสิทธิ์หลังเวลาที่กำหนดไว้ ดังนั้นทางคณะจะไม่คืนสิทธิ์ให้นักเรียนไปแอดมิชชั่นกลาง เพราะต้องดำเนินการตามที่ประกาศไว้
ด้าน ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) กล่าวถึงกรณีที่มีนักเรียนร้องเรียนว่า ผลคะแนนสอบแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือ O-NET ในวิชาวิทยาศาสตร์ ที่ได้ยื่นสมัครแอดมิชชั่นกลาง ไม่ตรงกับคะแนนที่ สอท.นำมาประมวลผล โดยคะแนนน้อยกว่าที่ยื่นไว้ ว่า เท่าที่ สทศ.ได้ตรวจสอบข้อมูลพบว่า คะแนนที่ สทศ.ให้กับ สอท.ตรงกันคือ นักเรียนจะได้คะแนนลดลงจากที่นักเรียนนำมายื่น และจากการตรวจสอบใบแจ้งคะแนนที่นักเรียนนำมายื่นที่ สทศ.พบว่า ข้อมูลที่พิมพ์มานั้นไม่น่าจะเป็นข้อมูลจาก สทศ. ดังนั้น สทศ.จึงเชิญนักเรียนคนดังกล่าวมาตรวจสอบข้อมูลเพื่อยืนยันความถูกต้อง โดย สทศ.ได้นำกระดาษคำตอบมาให้นักเรียนนับคะแนนอีกรอบซึ่งก็ตรงกับข้อมูลของ สทศ.และ สอท. และเด็กเองก็ยอมรับผลคะแนนดังกล่าวแล้ว
"แต่สิ่งที่ สทศ.ยังคลางแคลงใจอยู่คือเด็กไปพิมพ์ข้อมูลมาจากไหน ซึ่งชัดเจนว่าข้อมูลดังกล่าวไม่ได้มาจาก สทศ. อาจจะมีการตัดต่อและขณะนี้ได้ให้ฝ่ายไอทีของ สทศ.คุยรายละเอียดกับเด็กแล้วว่าเขาไปทำที่ไหนอย่างไรและใครเป็นคนทำ หากสามารถสรุปถึงที่มาของเอกสารได้แล้วคงต้องหารือกับนักกฎหมายต่อไป เพราะการกระทำดังกล่าวถือว่าเข้าข่ายการปลอมแปลงเอกสาร" ศ.ดร.อุทุมพรกล่าว.
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
