สทศ.จับONET/GAT/PATขึ้นเว็บ (ไทยโพสต์)
สทศ. เตรียมนำข้อสอบโอเน็ต, GAT/PAT พร้อมคำเฉลยและคำอธิบาย เผยแพร่ทางเว็บไซต์เป็นครั้งแรก "อุทุมพร" ชี้เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และเป็นไปตามหลักมาตรฐานสากลโลก ประกาศผล ม.6 ก่อน 10 เม.ย.นี้
นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) เปิดเผยภายหลังนางอุทุมพร จามรมาน ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เข้าชี้แจงถึงกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า สทศ. ออกข้อสอบแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ตตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 ซึ่งเกินกว่าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2544 ที่นักเรียนชั้น ป.6, ม.3, และ ม.6 เรียนอยู่ในปัจจุบัน ว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ยืนยันแล้วว่า เนื้อหาสาระของหลักสูตรฯ พ.ศ.2551 ไม่ได้แตกต่างไปจากหลักสูตรฯ พ.ศ.2544 เพียงแต่มีการกำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจนมากขึ้น อีกทั้งส่วนที่ปรับคือเรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเรื่องเหล่านี้เด็กต้องให้ความสนใจกับเหตุการณ์ต่างๆ อยู่แล้ว โดยส่วนนี้มีประมาณ 10%
อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ สทศ. นำข้อสอบมาเปิดเผยต่อสาธารณะทั้งหมด เพราะต้องการให้เกิดความโปร่งใส และอยากให้มีการหยิบยกไปวิพากษ์วิจารณ์ เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงประสิทธิภาพของข้อสอบให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อีกทั้งก่อนสอบก็ยังมีการเปิดเผยว่า จะมีข้อสอบในหมวดใดบ้าง สัดส่วนเท่าใด ขณะที่การทดสอบอื่น ๆ โดยเฉพาะจากองค์กรต่างประเทศ อาทิ การสอบโทเฟลทุกอย่างเป็นความลับ กลับไม่มีการมาพูดถึงความโปร่งใสหรือประสิทธิภาพของข้อสอบว่าเหมาะสมแค่ไหน อย่างไรก็ตามในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้หยิบยกประเด็นของโอเน็ตมาหารือ และต้องการให้ ศธ. และ สทศ. ชี้แจงให้สังคมได้เข้าใจหลักการและแนวทางในการออกข้อสอบ เพื่อไม่ให้เกิดข้อถกเถียงและเกิดความสับสน ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็เข้าใจ
"ขอยืนยันว่า สทศ. ไม่ได้ออกข้อสอบนอกหลักสูตร รวมถึงการออกข้อสอบลักษณะนี้เป็นการสอนให้เด็กรู้จัดคิดวิเคราะห์มากขึ้น เพราะการศึกษาไทยยังเป็นแบบการท่องจำยังคิดไม่เป็น แต่ยอมรับว่าในแต่ละคำถามยังมีข้อดีข้อเสียที่จะต้องนำมาปรับปรุงแก้ไข เช่น ปรับคำถาม หรือมีคำตอบที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งได้หารือกันว่าจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการประเมิน การทำงาน และข้อสอบของ สทศ.มากขึ้น ที่สำคัญเรามีการทำระบบที่เปิดเผยตลอดเวลา เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการทุกอย่าง สทศ.ก็มีการเปิดเผยข้อสอบให้เด็กได้รู้" นายชัยวุฒิกล่าว และว่า ส่วนที่ระบุว่าภาพลักษณ์ของ สทศ.ในสายตาเด็ก ๆ อาจจะดูไม่ค่อยดีนัก จุดนี้คงไม่มาปรับภาพลักษณ์อะไรใหม่เพราะ สทศ. ทำหน้าที่เป็นหน่วยทดสอบ ทุกสิ่งจะปรากฏชัดเจนจากข้อเท็จจริงที่ทำงานว่าถูกหรือไม่อย่างไร
ด้านนางอุทุมพร จามรมาน ผอ.สทศ. กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่หลายฝ่ายให้ความสนใจกับการสอบโอเน็ต ซึ่งจะทำให้ สทศ. ทำงานได้ดีขึ้น จึงต้องมีการทำงานที่โปร่งใส และเป็นมาตรฐานสากลของโลก ซึ่งการจะปิดเงียบข้อสอบหรือคำเฉลยไม่เผยแพร่ต่อสาธารณะคงทำไม่ได้ สทศ.จึงได้นำข้อสอบโอเน็ตชั้น ป.3, ม.3, และ ม.6 รวม 24 วิชาขึ้นเผยแพร่บนเว็บไซต์ของ สทศ.แล้ว และประมาณปลายเดือน เม.ย.นี้ จะนำข้อสอบ GAT-PAT รวม 23 วิชา พร้อมทั้งคำเฉลยและคำอธิบายของข้อสอบโอเน็ตขึ้นเผยแพร่บนเว็บไซต์ของ สทศ. ด้วยเช่นกัน
"การนำคำเฉลยและคำอธิบายข้อสอบโอเน็ต GAT และ PAT เผยแพร่บนเว็บไซต์นั้นถือเป็นการดำเนินการในปีแรก เพราะที่ผ่านมาจะให้ รร.ที่ต้องการคำเฉลยแจ้งความจำนงมายัง สทศ. และ สทศ.จะส่งกลับไปให้ เพื่อนำไปอธิบายให้กับเด็ก แต่ความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะโรงเรียนนำไปติดบอร์ดหน้า โรงเรียนทำให้ไม่เกิดประโยชน์กับเด็ก ทั้งที่ สทศ. ต้องการให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านข้อสอบ" นางอุทุมพรกล่าว และว่า สำหรับความคืบหน้าการตรวจกระดาษคำตอบโอเน็ตของชั้น ป.3 และ ม.3 นั้น ขณะนี้ตรวจเกือบจะเรียบร้อยทั้งหมดแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาตรวจทานอีกประมาณ 2 สัปดาห์ และสามารถประกาศผลได้ไม่เกิน 31 มี.ค.นี้ ส่วนชั้น ม.6 คาดว่าน่าจะประกาศผลสอบได้ก่อนวันที่ 10 เม.ย.นี้ ซึ่งเป็นกำหนดการเดิม
ส่วนการสอบ GAT และ PAT ครั้งที่ 1 เดือน มี.ค.นี้ ซึ่งจะสอบในวันที่ 6-9 มี.ค.นั้น ขอให้นักเรียนใช้วิจารณญาณและความรู้ของตนเอง อย่าไปหลงเชื่อคำบอกเล่าของคนอื่นขอให้ดูที่ข้อสอบเป็นหลัก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
