
10 เรื่องน่าเสียดาย เรียนจบไปคงไม่ได้ทำอีก !
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
เรื่องที่คนเรียนจบอาจจะเสียดาย วีรกรรมมากมายที่อาจจะไม่ได้ทำอีก ก็เรียนจบแล้วนี่เนอะ ลองไปดูกันเถอะว่ามีอะไรบ้าง
หลายคนคงเห็นด้วยว่า ชีวิตมหาวิทยาลัยเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด เพราะเราได้ทั้งเรียน ทั้งเล่น ทั้งทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างครบรส ก่อนจะเรียนจบออกไปเจอกับชีวิตจริงในการทำงาน วันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอพาเพื่อน ๆ ไปดู 10 สิ่งที่เราได้ทำสมัยเรียน แต่น่าเสียดายที่คงไม่ได้ทำอีกหลังจบการศึกษา รับรองว่าหลายคนจะยิ้มระลึกถึงวันเก่า ๆ ส่วนคนที่ยังเรียนอยู่จะรู้ซึ้งถึงคุณค่าของเวลาตอนนี้เลยล่ะ


ตอนสมัยเรียนเรามักตื่นสายแบบสุด ๆ จากการแฮงเอาท์กับเพื่อนจนดึกดื่น โดยอาจนอนแค่ 2-3 ชั่วโมง ตื่นไปเรียน แล้วค่อยมางีบต่อระหว่างรอคาบเรียนถัดไป แต่หลังจากเรียนจบ ไม่ว่าเราจะนอนดึกแค่ไหน เราก็มักต้องตื่นแต่เช้าตรู่เพราะมีงานรออยู่ข้างหน้าอยู่ดี


ชีวิตวัยเรียน เรามักจะสร้างเพื่อนใหม่ได้ง่าย ๆ ไม่ว่าจากการนั่งเรียนในวิชาเดียวกัน หรือไปสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน แต่หลังจากเรียนจบแล้ว โอกาสสร้างเพื่อนใหม่ก็ไม่ง่ายเท่าเดิมเท่าไร เพราะนอกจากจะเจอคนน้อยลงแล้ว ผู้คนที่เจอในชีวิตการทำงาน ยังมักสัมพันธ์กันในลักษณะเพื่อนร่วมงาน มากกว่าเพื่อนในชีวิตจริงอีกด้วย


หนึ่งในเรื่องที่ดีที่สุดสมัยเรียนก็คือ การกินอะไรก็ได้โดยที่เราไม่ต้องรู้สึกกังวล เพราะเป็นช่วงเวลาที่ยังมีการเผาผลาญง่าย และมีกิจกรรมให้ขยับตัวอยู่เสมอ ซึ่งหากเทียบกับตอนเรียบจบและนั่งทำงานในออฟฟิศ ไม่ว่าอะไรที่เรากินเข้าไป จะแปรสภาพเป็นไขมันรอบพุงง่ายขึ้น แถมยังทำลายบุคลิกภาพสุด ๆ


สมัยเรียนเรามักจะแต่งตัวแบบตามใจฉัน (เช่น ใส่ชุดอยู่บ้านไปไหนมาไหน) เพราะคนส่วนใหญ่อาจมองเห็นเป็นวัยรุ่นแนว ๆ คนหนึ่ง ทำให้มองผ่านและไม่ตัดสินเราจากเสื้อผ้าที่ใส่ แต่หลังจากที่เรียนจบแล้ว ผู้คนรอบข้างก็มักพิจารณาเราจากการแต่งกาย เพราะต้องสร้างความเชื่อถือเพื่อติดต่องาน หากเราแต่งกายไม่ดี คงเดาได้นะ ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร


แม้ว่าชีวิตวัยเรียนจะมีแต่เรื่องสนุกสนานรื่นเริง แต่เป้าหมายหลักยังคงเป็นการศึกษาหาความรู้ และเรามักเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้ง่ายและรวดเร็ว แต่ทันทีที่เราพ้นจากวัยนั้น เราก็เหมือนไม่อยากเรียนรู้ข้อมูลทางเทคนิคอะไรยาก ๆ อีก ด้วยข้ออ้างว่าเราเรียนมามากพอแล้ว ! นั่นทำให้ชีวิตวัยทำงานความรู้คืนสู่อาจารย์ไปหมด


นี่คือเรื่องดี ๆ ที่อาจไม่มีวันเกิดขึ้นอีก สำหรับชีวิตเด็กหอที่จะหันซ้ายก็เจอเพื่อนหันขวาก็เจอเพื่อน สามารถยืมข้าวของกันได้เพียงแค่ต่อสายโทรศัพท์ภายใน หรือเคาะประตูห้องเท่านั้น ในขณะที่ชีวิตหลังจากนั้น ถ้าเราอยากเจอเพื่อนสักคน อาจต้องนัดกันที่ร้านอาหารและรอเวลาที่ต่างคนต่างว่างพร้อม ๆ กัน ไม่ใช่จากห้องข้าง ๆ อย่างแต่ก่อน


ถึงแม้จะเกลียดการเข้าห้องสมุดขนาดไหน แต่ต้องยอมรับว่าเพียงช่วงเวลาเดียวในชีวิต ที่ได้นั่งอยู่ในวงล้อมของตู้ไม้ ที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือ ก็คือช่วงสมัยเรียนนะ ไม่ว่าจะติวหนังสือ อ่านตำราเตรียมตัวสอบ หรือค้นหาข้อมูลทำรายงาน แม้กระทั่งงีบหลับก็เคยมาแล้ว แต่พอเรียนจบละก็ เหมือนเป็นแฟนเก่าที่เลิกกันขาดเลยเชียว


แม้การอดนอนจะทำให้ร่างกายทรมานสุด ๆ แต่เมื่อส่งรายงานแล้วหรือการสอบสิ้นสุดลง เราก็จะโล่งใจ ได้พักผ่อน เล่นเกม หรือสังสรรค์กับเพื่อนจนกว่าจะเริ่มเทอมใหม่ ซึ่งเมื่อเทียบกับชีวิตหลังเรียนจบ เปลี่ยนเป็นต้องทำงานจนดึกดื่นด้วยความเครียด และได้ของขวัญเป็นการอดนอนสะสม ที่ชดเชยอย่างไรก็ไม่มีวันหมดซะด้วย


เราอาจตะโกนโหวกเหวกได้ตอนสมัยเรียน เพราะทุกคนเห็นเป็นเรื่องสนุกของวัยรุ่นและไม่มีใครถือสา แต่หากเรียนจบไปแล้วยังส่งเสียงโวยวายอยู่ละก็ นอกจากจะดูไม่น่าเชื่อถือแล้ว คนอื่นอาจหาว่าบ้า เผลอ ๆ จะมีปัญหาหรือโดนเรียกตำรวจมาจับซะอีก


สิ่งที่ดีที่สุดในสมัยเรียนคือ การมีวันหยุดยาวหลังสอบทุกเทอม ให้เลือกเที่ยว ใช้ชีวิตเตร็ดเตร่ หรือสงบนิ่งได้ตามใจ แต่หลังจากเรียนจบและต้องทำงาน ชีวิตก็เปลี่ยนจากชิล ๆ เป็นไม่มี "วันปิดเทอม" อีกต่อไป
แม้จะฟังดูเศร้านิด ๆ แต่เรื่องจริงก็คืองานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา ซึ่งความทรงจำในวัยเรียนเหล่านี้ สุดท้ายก็จะกลายเป็นหัวข้อสนุก ๆ ที่พูดคุยในกลุ่มเพื่อนเวลานัดเจอ และทำให้เราระลึกถึงร่วมกันอย่างมีความสุข ดังนั้นเก็บไว้เป็นความทรงจำมันส์ ๆ แทนแล้วกันนะจ๊ะ