เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ศธ. เผย บัณฑิตมีงานทำเพียง 1 ใน 3 ชี้มหาวิทยาลัยไม่ควรมีรายได้ ในขณะที่ลูกศิษย์ต้องตกงาน เล็งปรับระบบพัฒนาคุณภาพระดับอุดมศึกษา ควบคุมหลักสูตรให้มีคุณภาพตามมาตรฐาน
วันที่ 25 กันยายน 2257 นายกฤษณพงศ์ กีรติกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการหารืออย่างไม่เป็นทางการกับ คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ ประธานกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) นายวิชัย ริ้วตระกูล รองประธาน กกอ. และ นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการ กกอ. โดยเผยว่า ได้หารือใน 4 ประเด็นหลัก คือ
1. การพัฒนาอุดมศึกษาในภาพรวม จะต้องพัฒนาไปสู่เป้าหมายของประเทศ และเป้าหมายของแต่ละมหาวิทยาลัยได้อย่างไร เช่น การผลิตบัณฑิตและการวิจัย เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้ กกอ. ต้องไปคุยกับมหาวิทยาลัยว่าต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนเครื่องมืออะไรบ้าง เพื่อนำไปสู่การพัฒนามหาวิทยาลัยหรือการพลิกโฉมมหาวิทยาลัยใหม่ โดยต้องมาดูกันทั้งระบบตั้งแต่การพัฒนาครูแนวใหม่ การให้ทุนการศึกษา การประเมินคุณภาพมหาวิทยาลัย เป็นต้น
2. บทบาทของ กกอ. ที่ต้องมาช่วยดูคุณภาพของอุดมศึกษา เนื่องจากขณะนี้มหาวิทยาลัยรับนักศึกษาจำนวนมาก และเปิดหลักสูตรเฟ้อจนกระทบต่อคุณภาพการศึกษา และที่สำคัญทำให้นักเรียน ผู้ปกครอง และสถานประกอบการเกิดการสูญเสียเงินและเสียเวลา ซึ่งปัญหาส่วนหนึ่งมาจาก กกอ. ไม่มีอำนาจและบทบาทที่จะควบคุมมหาวิทยาลัยที่ไม่ดำเนินการจัดการการเรียนการสอนให้เป็นไปตามมาตรฐานได้ เพราะมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งมี พ.ร.บ. มหาวิทยาลัยของตนเอง และให้อำนาจสภามหาวิทยาลัยในการดำเนินการต่าง ๆ
ดังนั้น ต้องทำให้ กกอ. มีบทบาทและอำนาจที่จะเข้ามาจัดการปัญหาต่าง ๆ ได้ ซึ่งร่าง พ.ร.บ. การอุดมศึกษา น่าจะเป็นเครื่องมือหนึ่งในการแก้ปัญหาอุดมศึกษาได้ในระดับหนึ่ง
3. ต้องดูเรื่องการผลิตและพัฒนาครู โดยเฉพาะกลุ่มคณะศึกษาศาสตร์และครุศาสตร์ จะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ ส่วนจะปรับเปลี่ยนอย่างไรต้องมาช่วยกันดู
4. การคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาด้วยระบบรับตรง ซึ่งเป็นปัญหาทำให้นักเรียนวิ่งรอกและเสียเงินจำนวนมากนั้น ต้องมาดูว่าจะแก้ไขอย่างไร
นายกฤษณพงศ์ยังเผยว่า จากข้อมูลเฉลี่ย 10 ปี พบว่ามีผู้จบมหาวิทยาลัยเพียง 1 ใน 3 คน ที่ทำงาน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจ้างตามวุฒิที่จบมาหรือไม่ คนที่ไม่ทำงานเป็นเพราะอะไร ปัญหาการที่เด็กเบี้ยวหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ทั้งหมดถือว่าเป็นการสูญเสียทางการศึกษา ดังนั้นเราจะต้องแก้ปัญหาการสูญเสียดังกล่าวก่อนที่จะพัฒนามหาวิทยาลัยให้ก้าวต่อไปข้างหน้า
โดยมหาวิทยาลัยจะต้องแจ้งข้อมูลต่อสาธารณะ เช่น ตัวเลขการมีงานทำของบัณฑิตในสาขาต่าง ๆ รวมถึงเงินเดือนที่บัณฑิตได้รับ เพื่อเป็นข้อมูลให้นักเรียนและผู้ปกครองตัดสินใจว่าจะเข้าเรียนในสาขาหรือสถาบันไหน และลดการสูญเสียทางการศึกษา อย่างไรก็ตามมหาวิทยาลัยไม่ควรมีรายได้ ในขณะที่ลูกศิษย์ต้องตกงานและเป็นหนี้ หรือมหาวิทยาลัยมีรายได้ แต่ผู้เรียนและรัฐเสียประโยชน์
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก