เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเจาะข่าวเด่น โพสต์โดย คุณ เรื่องเล่า เช้านี้ สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
จากกรณีที่มีการพบทุจริตการสอบบรรจุเป็นข้าราชการ ตำแหน่งครูผู้ช่วย มีคนได้คะแนนเต็มถึง 480 คน โดยทางกระทรวงศึกษาธิการได้นำข้อมูลเรื่องดังกล่าวไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้ดำเนินการสืบสวนหาผู้กระทำผิด โดยมีประเด็นปัญหาหลายประเด็น พบการทุจริตอย่างน้อย 3 รูปแบบ เริ่มจาก มีการให้บุคคลอื่นสอบแทนในสถานที่สอบ 2-3 แห่ง จึงตั้งข้อสงสัยว่า ผู้สอบตัวปลอมเป็นมือปืนที่เข้าไปทำข้อสอบและส่งสัญญาณมือให้คนที่จ่ายเงินอยู่ในห้องสอบนั้น ส่วนอีกกรณีคือ พบว่ามีการใช้เครื่องมือสื่อสาร เวลาเข้าไปในห้องสอบก็ส่งสัญญาณเข้าไป และสุดท้ายปรากฏว่า ข้อสอบรั่ว ถึงขนาดพบว่ามีการเอาโพยคำตอบเข้าไปในห้องสอบ
ดังนั้น รายการเจาะข่าวเด่น (6 มีนาคม) จึงได้พูดคุยกับ นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ รองผู้อำนวยการสำนักคดีอาญาพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นดังกล่าว โดยนายธานินทร์ กล่าวว่า เท่าที่มีข้อมูลตอนนี้ ยืนยันว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นแน่นอน เริ่มจากประเด็นที่มีชื่อคนไปสอบซ้ำกัน มีพยานชัดเจน นั่นก็คือคนสอบตัวจริงเผยว่า มีคนเอาใบสมัครไปสวมสิทธิจริง ส่วนกรณีที่มีมือปืนเข้าไปสอบก็มีหลักฐานแน่นอนว่าเกิดขึ้นจริง โดยดูจากผังที่นั่งในห้องสอบนั้นมีมือปืน 2 คนเข้าไปสอบแทนนั่งประกบหัวกับท้าย ตัวมือปืนนั้นคะแนนสอบจะออกมาได้น้อย แต่เขาจะส่งสัญญาณให้คนที่สอบได้ที่ 1 และ ที่ 2 ที่ได้คะแนนเต็มทั้งสองคนซึ่งนั่งอยู่ระหว่างพวกเขา
นายธานินทร์ กล่าวต่อว่า จากสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เห็นได้ชัดเจนว่ามีการทุจริต และทำให้เราทราบว่าใครเป็นมือปืนที่ถูกจ้างให้เข้าไปส่งสัญญาณบอกข้อสอบในห้องสอบ เพราะชื่อของมือปืนนั้นซ้ำอยู่รายชื่อคนสอบตัวจริงที่สอบสนามอื่น แต่ตัวมือปืนจะไม่ตั้งใจทำคะแนนสอบ เพราะจะได้ไม่ผ่าน ซึ่งถ้าผ่านก็จะมีรายชื่อซ้ำกับตัวจริงที่สอบอีกสนามหนึ่งเพราะตัวจริงนี้ทำข้อสอบผ่านนั่นเอง นอกจากนี้ จากการสืบพยานทราบว่า ค่าจ้างสำหรับการทุจริตเพื่อให้ได้รับการบรรจุนี้จะอยู่ที่ประมาณ 300,000 - 500,000 บาทเลยทีเดียว
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นจะต้องมีการคัดกรองผู้ที่น่าสงสัย นั่นก็คือ ผู้ที่ได้คะแนนสอบสูงในห้องสอบที่มีการทุจริต และผู้ที่มีคะแนนสอบสูงที่สอบต่างพื้นที่ เพราะถ้าคุณเก่งจริง ทำไมถึงไม่สอบในพื้นที่ เพราะถ้าสอบในพื้นที่ กระทรวงศึกษาธิการจะมีแต้มต่อให้อีก หรือเพราะอยากไปสอบในสนามที่เตรียมการทุจริตไว้แล้ว
ส่วนอีกกรณีหนึ่ง คือ การทุจริตโดยพบว่า มีการอายัดเครื่องมือสื่อสาร นั่นก็คือ โทรศัพท์มือถือได้ วิธีการส่งสัญญาณโดยตั้งระบบสั่น หากสั่นยาว 2 ครั้ง คือ เตรียมพร้อมลงมือสอบ ต่อมา หากสั่น 1 ครั้งก็ข้อ ก หากสั่น 2 ครั้งก็ข้อ ข ไปเรื่อย ๆ จนถึงข้อ ง นอกจากนี้ยังมีหลักฐานในกรณีที่ก่อนวันสอบ 2 วัน กลุ่มบุคคลที่ทุจริตเหล่านี้ได้มีการอบรมทำความเข้าใจกันเรื่องมือถือว่า ต้องซ่อนไว้ที่ไหน ส่งสัญญาณอย่างไร เป็นต้น และที่สำคัญคือ กลุ่มคนเหล่านี้ใช้เวลาเพียง 4 นาทีในการส่งสัญญาณทำข้อสอบเสร็จ 50 ข้อ
อย่างไรก็ดี มีการตั้งข้อสงสัยว่า หากจะทำเช่นนี้ได้นั้น ข้อสอบมีการรั่วไหลออกมาก่อนหรือไม่ นายธานินทร์ เผยว่า ต้องยอมรับว่ากระบวนการทำข้อสอบในครั้งนี้แปลกจากครั้งก่อน ๆ คือ แต่เดิม สพฐ. จะเป็นคนจัดทำข้อสอบ และเก็บข้อสอบไว้จนถึงเที่ยงคืนก่อนวันสอบ จะมีการคีย์รหัสเอาข้อสอบออกมาปริ้นและส่งไปตามสนามสอบต่าง ๆ ในเช้าวันสอบนั้นเลย แต่ครั้งนี้ มีการมอบหมายให้บริษัทเป็นผู้นำข้อสอบออกมาปริ้น ซึ่งเขาจะเอาออกมาปริ้นและส่งข้อสอบทางไปรษณีย์ไปยังสนามสอบล่วงหน้า 2-3 วัน ซึ่งตรงนี้ทำให้มีช่องโหว่ว่า อาจมีข้อสอบรั่วไหลในขั้นตอนนี้ก็เป็นได้
นอกจากกรณีเครื่องมือสื่อสารแล้ว ยังมีการทุจริตโดยมีการออกโพยคำตอบออกมาตอนเที่ยงคืนของวันสอบและให้ท่องให้ได้ พอเช้ามาก็ไปห้องสอบ แต่ถ้าบางคนจำไม่ได้ ก็จดโพยเข้าห้องสอบเลย ซึ่งที่จับได้พบว่าจดใส่ยางลบ โดยผู้คุมสอบจับได้และทำการอายัดไว้เรียบร้อยแล้ว จากตรงนี้แสดงให้เห็นว่า ข้อสอบนั้นรั่วมาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะไม่เช่นนั้นคงทำโพยไม่ทันเที่ยงคืนของวันสอบ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กำลังมีการเช็กว่า คำตอบตามโพยนั้นตรงกับคำตอบของ สพฐ. หรือไม่ ซึ่งถ้าตรงก็ยืนยันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าข้อสอบรั่วแน่นอน
อย่างไรก็ดี จากเหตุการณ์ดังกล่าวจะทำให้ยกเลิกสอบบรรจุครูผู้ช่วย 2,000 อัตราเป็นโมฆะหรือไม่นั้น นายธานินทร์ ชี้แจงว่า ต้องตรวจสอบให้แน่ใจและระวังเป็นอย่างมาก เพราะการสอบดังกล่าวเป็นการสอบครั้งใหญ่ คนสมัครกว่า 10,000 คน รับถึงกว่า 2,000 อัตรา ซึ่งค่าใช้จ่ายในการจัดสอบครั้งนี้ก็ถือว่าสูง ดังนั้น การยกเลิกทั้งหมดต้องมีผลเสียหายแน่นอน ในเบื้องต้น อาจจะดูเป็นรายภาคไปก่อนว่า ภาคไหนที่ส่่อพิรุธทุจริตที่สุด และต้องมีการพิจารณารวบรวมข้อมูลต่อไป
