กลายเป็นปัญหาภาษาอังกฤษที่สร้างความปวดหัว งุนงง ให้น้อง ๆ หลายคนจริง ๆ สำหรับหลักการใช้ Tense ทั้ง 12 แบบ ที่ต้องทำความเข้าใจกันซ้ำแล้วซ้ำอีก แม้จะเรียนกันมาตั้งแต่ชั้นมัธยมต้นก็ดูเหมือนว่าจะยังคงสับสนอยู่ดี วันนี้กระปุกดอทคอมเลยขอพูดถึงหลักการใช้ Tense กันเสียหน่อย เพื่อให้น้อง ๆ ได้ลองทำความเข้าใจกันใหม่อีกครั้งนะคะ เอ้า สูดหายใจเข้าไปลึก ๆ แล้วไปทบทวนพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
1. Present Simple Tense ใช้เพื่อบอกความจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวัน
โครงสร้างไวยากรณ์: S + V1
ตัวอย่างประโยค:
I study at Harvard University. ฉันเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
The Sun rises in the east. ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก
He calls me honey. เขาเรียกฉันว่าที่รัก
2. Past Simple Tense ใช้เพื่อบอกความจริงที่เกิดขึ้นในอดีต และตอนนี้ทุกอย่างก็ได้จบลงแล้ว
โครงสร้างไวยากรณ์: S + V2
ตัวอย่างประโยค:
I lived in Germany. ฉันเคยอยู่ที่ประเทศเยอรมนี
Daddy called me last night. พ่อโทรมาหาฉันเมื่อคืน
3. Future Simple Tense ใช้เพื่อบอกความตั้งใจ หรือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
โครงสร้างไวยากรณ์: S + will, shall + V1
ตัวอย่างประโยค:
I will go to Japan next month. ฉันจะไปญี่ปุ่นเดือนหน้า
I will send you my photo tonight. ฉันจะส่งรูปฉันให้ดูคืนนี้
4. Present Continuous Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่ ณ ขณะที่พูด และใช้บอกการกระทำที่ทำอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลานี้ (ปีนี้, เดือนนี้) หรือบอกสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ก็ได้
โครงสร้างไวยากรณ์: S + is, am, are + V ing
ตัวอย่างประโยค:
I am going to school. ฉันกำลังจะไปโรงเรียน
He is walking on the street. เขากำลังเดินอยู่บนถนน
Cherry is preparing for final exam. เชอร์รี่กำลังเตรียมตัวสอบปลายภาค
5. Past Continuous Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งในอดีต หรือบอกเหตุการณ์หนึ่งในอดีตที่กำลังดำเนินอยู่ ก่อนที่อีกเหตุการณ์จะเกิดขึ้น
โครงสร้างไวยากรณ์: S + was, were + V ing
ตัวอย่างประโยค:
I was working all day yesterday. ฉันยุ่งทั้งวันเลยเมื่อวานนี้
When I opened the door, my father was watching TV. ตอนผมเปิดประตูเข้าบ้าน พ่อผมกำลังดูทีวีอยู่
6. Future Continuous Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต และใช้กับเหตุการณ์หนึ่งในอนาคตที่จะเกิดขึ้น ก่อนที่อีกหนึ่งเหตุการณ์จะเกิดตามมา
โครงสร้างไวยากรณ์: S + will be + V ing
ตัวอย่างประโยค:
I will be studying in tomorrow morning. พรุ่งนี้ตอนเช้า ผมคงจะกำลังเรียนอยู่
I will be working when you finish your work. ผมคงจะกำลังทำงานอยู่ เมื่อคุณเลิกงานแล้ว
7. Present Perfect Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และจะใช้ since, for ร่วมด้วยเสมอ หรือบอกเล่าถึงสิ่งที่เพิ่งจะจบลงหมาด ๆ
โครงสร้างไวยากรณ์: S + have,has +V3
ตัวอย่างประโยค:
I have worked in Japan since 2010. ฉันทำงานที่ญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2010
Nancy has stayed with me for 10 months. แนนซี่อยู่กับฉันมา 10 เดือนแล้ว
I have already finished my homework. ผมเพิ่งทำการบ้านเสร็จ
8. Past Perfect Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่แน่ชัด หรือใช้เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอดีต โดยจะใช้ Past Perfect Tense กับเหตุการณ์ที่เกิดก่อนเสมอ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีหลังใช้ Past Simple Tense
โครงสร้างไวยากรณ์: S + had +V3
ตัวอย่างประโยค:
Two students had gone before the teacher came to the room. นักเรียนสองคนออกไปจากห้องแล้ว ก่อนที่ครูจะเข้ามา
Before I met her, I had met Sandy. ก่อนที่ฉันจะเจอเธอ ฉันเจอแซนดี้
9. Future Perfect Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่คาดว่าจะสิ้นสุดลงในช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต หรือใช้กับเหตุการณ์หนึ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ก่อนที่อีกเหตุการณ์หนึ่งจะเกิดขึ้นตามมา
โครงสร้างไวยากรณ์: S + will + have + V3
ตัวอย่างประโยค:
Apple will have launched its new iPhone by 2012. แอปเปิลจะเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ภายในปี 2012
My father will have gone when I get up. เมื่อฉันตื่น พ่อฉันก็คงไปแล้ว
10. Present Perfect Continuous Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และเน้นว่าจะทำต่อไปในอนาคตด้วย เรียกว่ามีหลักการใช้เหมือนกับ Present Perfect Tense เพียงแต่เน้นถึงความต่อเนื่องและเน้นว่าจะทำต่อไปเท่านั้นเอง
โครงสร้างไวยากรณ์: S + have/has been + V ing
ตัวอย่างประโยค:
I have been working in Japan since 2010. ฉันทำงานที่ญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2010
Nick have been living in London for 2 months. นิคอาศัยอยู่ในลอนดอนมาได้ 2 เดือนแล้ว
11. Past Perfect Continuous Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาหนึ่งในอดีต และได้สิ้นสุดลงแล้ว เรียกว่ามีหลักการใช้เหมือนกับ Past Perfect Tense เพียงแต่เน้นถึงความต่อเนื่องชัดเจนขึ้น
โครงสร้างไวยากรณ์: S + had been + V ing
ตัวอย่างประโยค:
I had been painting the wall before the dog scratched it. ฉันทาสีกำแพงก่อนที่เจ้าหมาจะมาขีดข่วนมัน
My father had been smoking for 5 years before I was born. พ่อฉันสูบบุหรี่จัดเป็นเวลา 5 ปี ก่อนที่ฉันจะเกิด
12. Future Perfect Continuous Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต และก็จะดำเนินต่อไปอีกหลังจากนั้น หรือใช้เหมือนกับ Future Perfect Tense แต่เน้นความต่อเนื่องของการกระทำหนึ่งในอนาคต
โครงสร้างไวยากรณ์: S + will/shall + have been + V ing
ตัวอย่างประโยค:
By the next year, I will have been working for 10 years. ผมจะทำงานครบ 10 ปีในปีหน้านี้
In ten minutes I will have been waiting 1 hour for the bus. อีก 10 นาที ผมจะรอรถเมล์ครบ 1 ชั่วโมงพอดี
ท้ายสุดนี้ กระปุกดอทคอมก็หวังว่าหลักการใช้พร้อมตัวอย่างที่หยิบยกมาให้ดูวันนี้ จะทำให้น้อง ๆ หลายคนได้เข้าใจวิธีการใช้ Tense กันมากขึ้นนะคะ แต่ถ้ายังงง ๆ สับสนอยู่บ้างละก็ อย่าเพิ่งท้อไปเชียว ค่อย ๆ ทำความเข้าใจไป เดี๋ยวก็จะเข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้อย่างถูกต้องเองค่ะ