ห้องเรียนพิเศษพรีเมียมสกูลเพิ่มอีก 10% กพฐ.ตั้งกก.ประเมินความพร้อมครู-หลักสูตร (ไทยโพสต์)
ที่ประชุม กพฐ.เห็นชอบเปิดโอกาสให้ รร.กลุ่มพรีเมียมสกูล 217 โรง เสนอขอขยายห้องเรียนพิเศษเพิ่มอีก 10% เป็น 30% ชี้แก้ปัญหานักเรียนกับที่นั่งไม่สมดุล "ชินภัทร" เผยจากนี้ 3 ปี จะเพิ่มสัดส่วนให้มากขึ้น แต่ไม่เกิน 50% ระบุจะปรับเพิ่มได้ต้องผ่านประเมินความพร้อมด้านครู-วิชาการ-หลักสูตร ขู่ต่อไป สพฐ.ตรวจทุกปี ไม่ผ่านปลดจากพรีเมียมสกูล
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ( กพฐ.) เปิดเผยถึงผลการประชุม กพฐ.เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ที่ประชุมพิจารณาและเห็นชอบให้โรงเรียนในกลุ่มศักยภาพสูง (พรีเมียมสกูล) ซึ่งขณะนี้มีอยู่ 217 โรงทั่วประเทศ ที่มีการเปิดสอนห้องเรียนพิเศษ อาทิ ห้องเรียนอิงลิชโปรแกรม (English Program : EP) หรือห้องเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์ สามารถเพิ่มสัดส่วนห้องเรียนพิเศษเพิ่มได้อีก 10%
ก่อนหน้านี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เคยกำหนดไว้ว่าโรงเรียนจะเปิดห้องเรียนพิเศษได้ไม่เกิน 20% นั้น สาเหตุที่ผ่อนปรนให้เปิดเพิ่มได้อีก 10% รวมเป็น 30% นั้น หากดูข้อมูลย้อนหลังไป 3 ปี จะพบว่าโรงเรียนที่เปิดห้องเรียนพิเศษมีอัตราการแข่งขันเข้าเรียนอยู่ที่ 3 : 1 เมื่อดูความต้องการของผู้ปกครองและนักเรียน กับที่นั่งที่โรงเรียนสามารถรองรับได้เห็นได้ชัดว่าไม่สมดุลกัน
"เบื้องต้น สพฐ.จะให้เฉพาะโรงเรียนในกลุ่ม 217 โรง แสดงความจำนงขอปรับขยายห้องเรียนพิเศษเพิ่มอีก 10% มายัง สพฐ.ก่อน จากนั้น สพฐ.จะตั้งคณะกรรมการลงไปประเมินความพร้อมด้านครูผู้สอน ด้านวิชาการ และหลักสูตร หากพบว่ามีความพร้อมจึงจะอนุญาตให้เปิดได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับโรงเรียนกลุ่มพรีเมียมสกูลนั้น ต่อไปก็จะต้องเข้ารับประเมินคุณภาพจาก สพฐ.ทุกปี หากประเมินแล้วไม่ผ่านก็จะถูกปลดออกจากกลุ่มโรงเรียนพรีเมียมสกูล ได้กำหนดเป้าหมายว่าภายใน 3 ปี (2555-2557) จะค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนห้องเรียนพิเศษขึ้น แต่ต้องไม่เกินสัดส่วน 50% แน่นอน" นายชินภัทรกล่าว.
ขอขอบคุณข้อมูลจาก