เรียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม
วรวัจน์เสนอนโยบายแจกคูปองให้นักเรียนเลือกอุปกรณ์-โรงเรียนตามความพอใจ แทนที่จะให้โรงเรียนเป็นผู้เลือกเหมือนเดิม อีกทั้งบอกคิดนอกกรอบเปิดช่องคนรวยจ่ายแป๊ะเจี๊ยะเข้าสถานศึกษาดัง
วานนี้ (11 กันยายน) นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) สำรวจความต้องการสิ่งของที่ใช้ในการเรียนพื้นฐานที่นักเรียนและผู้ปกครองต้องการจริง ๆ โดยบอกว่า ต่อไปอาจออกเป็นคูปองให้นักเรียนแลกซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ แทนการแจกเงินให้ไปซื้อ เพื่อให้นักเรียนได้เลือกสิ่งที่ตรงความต้องการจริง ๆ ทั้งนี้ คนมีฐานะดีอาจไม่ต้องใช้คูปอง ทำให้รัฐบาลเอาเงินส่วนนี้ไปช่วยเหลือคนที่ต้องการได้จริง ๆ ส่วนการจ่ายเงินอุดหนุนรายหัว ก็จะเปลี่ยนเป็นคูปองแจกให้กับนักเรียนแทนการแจกให้โรงเรียน ซึ่งเด็กสามารถนำคูปองไปเลือกเข้าเรียนในโรงเรียนที่ต้องการได้ ไม่ใช่ให้โรงเรียนมาเลือกเด็ก
นอกจากนี้นายวรวัจน์ยังกล่าวการถึงปัญหาการยัดเงินใต้โต๊ะหรือแป๊ะเจี๊ยะที่เกิดขึ้นมาตลอดทุกปีว่า หากใครมีฐานะดีก็มีสิทธิที่จะเลือกโรงเรียนที่ดี ๆ ให้กับลูกหลานได้ ซึ่งจะทำให้ผู้ปกครองที่มีฐานะเหล่านี้สามารถสนับสนุนโรงเรียนได้เต็มที่ และโรงเรียนก็จะเอาเงินมาพัฒนาด้านการศึกษาต่อไป แต่หากศธ.ไม่สามารถควบคุมเรื่องการให้แป๊ะเจี๊ยะได้ ก็ต้องพัฒนาโรงเรียนอื่น ๆ ให้มีคุณภาพเทียบเท่ากับโรงเรียนดัง ๆ ด้วยไม่ให้เป็นการเหลื่อมล้ำกัน
ส่วนกรณีที่นายวรวัจน์มีแนวคิดที่จะให้โรงเรียนขนาดใหญ่มีชื่อเสียงเก็บค่าเล่าเรียนได้โดยไม่กำหนดเพดาน และไม่ต้องขอรับเงินอุดหนุนรายหัวจากรัฐนั้น นายชินภัทร กล่าวว่า แนวคิดนี้สอดคล้องกับโครงการโรงเรียนศักยภาพสูง หรือที่เรียกว่าโรงเรียนระดับ Premium School ที่สพฐ.กำลังดำเนินการอยู่ เพราะต้องการให้โรงเรียนที่มีศักยภาพสูงยืนอยู่ด้วยลำแข้งตัวเอง แต่ก็ต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยนักเรียนและผู้ปกครองต้องพร้อมด้วย รวมทั้งต้องรอฟังนโยบายและความชัดเจนจากนายวรวัจน์อีกครั้ง
การนี้ ผู้อำนวยการโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ได้ออกมากล่าวเห็นด้วยกับนโยบายที่จะให้ลอยตัวค่าเล่าเรียนในโรงเรียนขนาดใหญ่มีชื่อเสียงดังกล่าว ด้วยเห็นว่า โรงเรียนเหล่านี้มีความแตกต่างจากโรงเรียนทั่วไป อีกทั้งมีภารกิจจำนวนมากที่ต้องสนองนโยบายรัฐบาลในโครงการต่าง ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องใช้เงินสูงมาก งบประมาณและเงินอุดหนุนที่ได้รับจากรัฐบาลย่อมไปไม่พอแน่นอน แต่ถ้าหากมีการทำจริง ก็ต้องมีการติดตาม กำกับดูแลจากศธ. และต้องสร้างมาตรฐานให้เด็กเข้าถึงได้ทุกคน ไม่เฉพาะแค่เด็กที่มีฐานะเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง
ส่วนกรณีที่กระทรวงการคลังจะเสนอพิจารณาปรับรายได้ข้าราชการวุฒิปริญญาตรีให้มีรายได้ขั้นต่ำ 15,000 บาท โดยระยะสั้นจะจ่ายเป็นเงินค่าครองชีพชั่วคราวก่อนที่จะมีการปรับโครงสร้างฐานเงินเดือนที่จะเริ่มวันที่ 1 เมษายน 2555 นั้น เมื่อครม.มีมติเห็นชอบดังกล่าวแล้ว ก็จะมีการแจ้งเวียนให้ส่วนราชการต่าง ๆ ทราบเพื่อดำเนินการต่อไป โดยหน่วยงานหลักต่าง ๆ ของศธ.ได้ตั้งงบประมาณไว้รองรับแล้ว
ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ที่ได้ทำการปล่อยกู้โครงการใหม่ วงเงินให้กู้สูงสุด 3 ล้านบาทนั้น ก็ถือว่าเป็นการทำประโยชน์ให้แก่เพื่อนสมาชิกครูที่มีความเดือดร้อนจริง ๆ แต่ถ้ากู้แล้วนำไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยก็ทำให้เกิดหนี้สินได้ง่าย ดังนั้นจึงต้องมีการกำหนดเงื่อนไขในการกู้ให้รัดกุม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
