11ก.ค.ชี้ชะตา "มอส." ปิดหรือเปิดต่อ 4 ฝ่ายลงมติเอาผิดอาจารย์สอน / เปิดศูนย์นอกที่ตั้ง (ไทยโพสต์)
"ไชยยศ" ระบุที่ประชุม 4 ฝ่ายมีมติให้อาจารย์ที่ไปสอนหรือเปิดศูนย์นอกที่ตั้งจำนวน 120 ศูนย์ของ มอส.เป็นผู้กระทำความผิดด้วย เตรียมส่งหนังสือให้อดีตผู้บริหาร มอส.ส่งข้อมูลเพิ่มเพื่อให้การตรวจสอบเห็นภาพชัดเจน ชี้ 11 ก.ค.จะสามารถชี้ชะตา มอส.ปิดหรือเปิดต่อ ขณะที่ประชุม กมว.มีมติไม่รับวินิจฉัยการเอาผิดนักศึกษาทั้ง 11 ราย หลังสารภาพซื้อปริญญาจริงโดยไม่ได้เข้าเรียนเลย อ้างมีอำนาจแค่ออก-เพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูเท่านั้น โยนให้ที่ประชุมบอร์ดคุรุสภาตัดสินเอง 16 มิ.ย.นี้
นายไชยยศ จิรเมธากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) กล่าวภายหลังประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ 4 ฝ่าย กรณีปัญหาซื้อขายใบประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู (ใบ ป.บัณฑิต) ของมหาวิทยาลัยอีสาน (มอส.) โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ คณะกรรมการควบคุม มอส. สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา เข้าร่วมประชุม ว่า วันนี้ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับเรื่องการเยียวยานักศึกษา โดยทั้งหมดต่างเห็นตรงร่วมกันว่า ให้มีการรวบรวมข้อมูลนักศึกษาโดยแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ ได้แก่ กลุ่มที่เรียนในที่ตั้ง และกลุ่มที่เรียนในศูนย์นอกที่ตั้ง ที่คาดว่ามีประมาณ 120 ศูนย์ เพื่อจะได้หาแนวทางในการช่วยเหลือเยียวยา โดยจะทำหนังสือถึงอดีตผู้บริหาร มอส.ทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง ขอให้ส่งข้อมูลที่เป็นไปตามมาตรฐาน ที่กฎหมายกำหนดมายังคณะกรรมการควบคุมมอส.ภายใน 10 วันหรือ 15 วัน เนื่องจากขณะนี้กระบวนการต่างๆ มีความล่าช้า และมีความซับซ้อนเพราะไม่มีการเก็บฐานข้อมูลอย่างเป็นระบบ
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังมีมติสำหรับระบุความผิด อาจารย์ที่ไปเปิดหรือสอนในศูนย์นอกที่ตั้งดังกล่าวถือเป็นผู้กระทำความผิดด้วย เพราะเปิดศูนย์นอกที่ตั้งไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ได้ผ่านการเห็นชอบจากสภา มอส. ซึ่งที่ประชุมจะให้ความช่วยเหลือนักศึกษาที่เรียนนอกที่ตั้ง ด้วยการจัดทีมกฎหมายเป็นฝ่ายนิติกรของ สกอ. และจะมอบหมายมหาวิทยาลัยตั้งงบประมาณ จ้างทนายความดำเนินการฟ้องร้องผู้บริหารศูนย์นอกที่ตั้งและผู้เกี่ยวข้องในข้อหาฉ้อโกงประชาชน เพราะเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนที่ผิดกฎหมายโดยนำชื่อมหาวิทยาลัยไปแอบอ้าง ทั้งนี้ กลุ่มนักศึกษาที่เรียนในศูนย์นอกที่ตั้งนั้น มีจำนวนนักศึกษากว่า 1,300 คน ซึ่งได้เข้ามารายงานตัวที่กับทาง มอส. แล้ว 1,208 คน
นายไชยยศกล่าวต่อว่า อีก 4 สัปดาห์ คณะกรรมการควบคุม มอส.ควรจะได้ข้อมูลทั้งหมดเพื่อนำมาสู่การพิจารณาว่า คณะกรรมการฯ จะดำเนินการทั้งด้านกฎหมายและเรื่องอื่นๆ ต่อไปอย่างไร ทั้งนี้ หากอดีตผู้บริหาร มอส.และผู้เกี่ยวข้อง ไม่นำส่งข้อมูลตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดคือภายใน 10 วันหรือไม่เกิน 15 วัน ก็จะนำไปสู่การเชื่อมโยงเป็นข้อมูลประกอบหลักฐานเพื่อสรุปว่ามหาวิทยาลัยไม่ดำเนินการในเรื่องต่างๆ ให้เป็นไปตามกฎหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งจะทำให้คณะกรรมการควบคุมฯ จะสามารถสรุปได้ว่า สถานภาพของมหาวิทยาลัยเกินกว่าเยียวยาหรือไม่ อย่างไรก็ตาม จึงขอเวลาไปดูรายละเอียดทั้งหมดว่าอะไรเป็นอย่างไร และจะตัดสินทุกอย่างในการประชุมอีกครั้ง ในวันที่ 11 กรกฎาคมนี้
วันเดียวกัน ที่คุรุสภาได้มีการประชุมคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (กมว.) โดยนายนิยม ศรีวิเศษ ประธาน กมว. กล่าวภายหลังการประชุมว่าที่ประชุมได้พิจารณาในประเด็นที่ นายองค์กร อมรสิรินันท์ เลขาธิการคุรุสภาเสนอ กรณี มอส. มีหนังสือแจ้งรายชื่อนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู (ป.บัณฑิต) ที่ลงนามรับรองการศึกษาโดย นายอัษฎางค์ แสวงการ อธิการบดี มอส. เพื่อมาใช้ในการขอขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาต และมีบางส่วนได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูไปแล้ว แต่ต่อมา มอส.ได้มีหนังสือยกเลิกการรับรองผลการศึกษาของนักศึกษาดังกล่าว
ทั้งนี้ ทำให้มีประเด็นว่าเมื่อนายอัษฎางค์ได้ลงนามในประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู และใบแสดงผลการศึกษา (Transcript) ให้แก่นักศึกษาไปแล้ว แต่มีนักศึกษาจำนวน 11 ราย ซึ่งได้รับใบ ป.บัณฑิต ไปโดยจ่ายเงิน ซึ่งไม่มีการจัดการเรียนการสอนเลย และเจ้าหน้าที่ที่ร่วมลงนามในเอกสารดังกล่าว จะมีความผิดทางอาญาหรือไม่ รวมถึงประเด็นนักศึกษาทั้ง 11 ราย ที่นำเอกสารดังกล่าวมาใช้ในการขึ้นทะเบียนจนได้รับอนุมัติให้ออกใบอนุญาตฯ ไปแล้วด้วย
ประธาน กมว.กล่าวอีกว่า สำหรับหน้าที่ของ กมว.มีหน้าที่แค่ออกและเพิกถอนใบอนุญาตฯ เท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อทราบว่านักศึกษาดังกล่าวขาดคุณสมบัติก็ได้เพิกถอนใบอนุญาตฯ ไปแล้ว ส่วนการวินิจฉัยในประเด็นที่เกี่ยวกับความผิดทางอาญา กมว.ขอให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการคุรุสภา (บอร์ดคุรุสภา) เพราะตนคิดว่าผู้เสียหายคือคุรุสภาไม่ใช่ กมว. อย่างไรก็ตาม ตนทราบว่าขณะนี้ทางคณะอนุกรรมการกฎหมายและระเบียบของคุรุสภากำลังเป็นผู้พิจารณาในประเด็นนี้อยู่ เพื่อจะเสนอต่อที่ประชุมบอร์ดคุรุสภาในวันที่ 16 มิ.ย.นี้ จึงขอให้รอการพิจารณาดังกล่าว.
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
