ชินวรณ์ล่ากระบวนการขายป.บัณฑิต (ไทยโพสต์)
"ชินวรณ์" ยืนยันผลตรวจสอบชี้ชัดซื้อขายปริญญาจริง ระบุทำเป็นกระบวนการต้องล่าคนผิดให้หมด มองปัญหาซื้อขายปริญญาครูเกิดจากค่าตอบแทนครูดีขึ้น ประกอบกับตำแหน่งว่างครูเพิ่ม พร้อมคาดอีก 10 ข้างหน้าจะว่างอีก 2 แสนอัตรา เลขาฯ คุรุสภาเผย มีคนเข้ายอมรับว่าซื้อปริญญาจริงเพิ่มขึ้นอีก 3 ราย รวมเป็น 7 รายแล้ว เป็นของมหา’ลัยเดิมทั้งหมด ชี้เตรียมเอาข้อมูลฝึกสอนของ นศ.ลงเว็บคุรุสภาให้ตรวจสอบได้
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงกรณีการซื้อขายใบปริญญาบัตร และประกาศนียบัตรบัณฑิต (ป.บัณฑิต) วิชาชีพครู ในมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ล่าสุดคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ตั้งโดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ผลตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า การดำเนินการของมหาวิทยาลัยดังกล่าวมีการปลอมแปลงเอกสารหลักฐาน และขณะนี้มีมูลชี้ให้เห็นชัดเจนแล้วว่ามีการดำเนินการซื้อขายใบปริญญาอย่างเป็นกระบวนการ จากนี้คณะกรรมการฯ จะต้องไปสืบหาผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
รมว.ศธ.กล่าวต่อว่า ตนเข้าใจดีถึงโครงสร้างเงินเดือนครูที่เพิ่มสูงขึ้นเท่ากับวิชาชีพแพทย์และกฎหมาย ประกอบกับอัตราตำแหน่งว่างของครูก็มีมากถึง 24,000 อัตรา และคาดว่าอีก 10 ปีข้างหน้าจะว่าง 2 แสนอัตรา จึงทำให้หลายคนมีแรงจูงใจที่อยากมาเรียนคณะคุรุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เป็นช่องทางที่ให้กลุ่มมิจฉาชีพจะหาวิธีการปลอมแปลงหลักฐานเพื่อขายใบ ป.บัณฑิต
นายชินวรณ์กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ศธ.ได้ประกาศหลักสูตร ป.บัณฑิตขึ้น สำหรับผู้ที่ไม่เรียนครูมาและเพื่อจะให้มาเรียนหลักสูตรครูเพิ่มอีก 1 ปี ซึ่งจะเป็นการฝึกปฏิบัติงานสอนเพื่อมาขอใบประกอบวิชาชีพครู แต่ขณะนี้ ศธ.กำลังประสบปัญหาเรื่องการเปิดสอนหลักสูตร ป.บัณฑิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณภาพและหลักสูตร อย่างไรก็ดี ตนมองว่า คนเก่ง คนดี และนักศึกษาจะต้องมีจิตวิญญาณของความเป็นครู ซึ่งไม่ว่าจะเรียนในสาขาอื่นมาก็สามารถมาเรียนครูได้ โดยจะต้องแจ้งความจำนงมายังคุรุสภาเพื่อขอเทียบโอนหน่วยกิต เมื่อผ่านกระบวนการขั้นตอนทุกอย่างก็สามารถขอใบประกอบวิชาชีพครูได้โดยไม่ต้องไปเรียนหลักสูตร ป.บัณฑิต
"ศธ.มีความจำเป็นที่จะต้องรักษามาตรฐานคนเก่งคนดี และมีจิตวิญญาณที่อยากจะมาเป็นครูจริงๆ ทั้งนี้ การบรรจุเข้ารับราชการครูจากนี้ไปจะต้องโปร่งใสและเป็นธรรม และผู้ที่มาเรียนครูต้องขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถของตนเอง ดังนั้นอย่าไปดิ้นรนเพื่อให้ได้ใบปริญญาที่ไม่ถูกต้องหรืออย่ามาเป็นครูเพื่อต้องการหางานทำเพียงเท่านั้น" รมว.ศธ. กล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม ตนขอให้คุรุสภาได้ดำเนินการตรวจสอบติดตามเรื่องนี้ร่วมกับดีเอสไอ เพื่อขยายผลพร้อมทำลายล้างกระบวนการดังกล่าวนี้ให้หมดไปในวงการศึกษา เพราะคนเก่งจริงไม่ต้องมาเสียเงินเพื่อซื้อใบปริญญา
ขณะที่ นายองค์กร อมรสิรินันท์ เลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า ขณะนี้มีบัณฑิตเข้ามายอมรับเพิ่มเติมอีก 3 ราย ว่าซื้อปริญญามาจากมหาวิทยาลัยดังกล่าว โดยเข้ามาแจ้งข้อมูลเพิ่มว่าได้ซื้อใบ ป.บัณฑิต ในราคา 55,000 บาท แต่ก็ยังไม่มีการนำหลักฐานที่เป็นใบเสร็จมายืนยันกับตน อย่างไรก็ตาม คุรุสภาได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมแล้ว ทำให้ขนาดนี้มีบัณฑิตที่ออกมายอมรับแล้วทั้งสิ้น 7 ราย ทั้งนี้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปทั้งหมดในเร็วๆ นี้ และจะนำเสนอให้ รมว.ศธ.รับทราบต่อไป
เลขาธิการคุรุสภากล่าวอีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นตนเป็นผู้เริ่มวางแผนจัดการเรื่องนี้ เพราะรู้สึกผิดสังเกตถึงยอดการเรียน ป.บัณฑิต ที่เพิ่มสูงขึ้น เพราะตนไม่เชื่อว่าจะมีมหาวิทยาลัยไหนที่สามารถผลิตครูได้ปีละ 1,000–2,000 คน จนได้มาตรวจสอบก็พบว่ามีกระบวนการซื้อขายใบ ป.บัณฑิตเกิดขึ้น ทั้งนี้เป็นเพราะหลักสูตร ป.บัณฑิตมีปัญหา และทำให้แต่ละมหาวิทยาลัยไม่คิดถึงเรื่องคุณภาพ พร้อมทั้งยังหาช่องทางที่จะปลอมแปลงเอกสาร ทำให้คนสนใจอยากเป็นครูมาก ดังนั้นคุรุสภาจำเป็นต้องรักษามาตรฐานของผู้ที่จะมาเรียนครู โดยคุรุสภาจะนำรายชื่อนักศึกษาที่ไปฝึกปฏิบัติการสอนในโรงเรียนต่างๆ รวมถึงรายละเอียดของการฝึกปฏิบัติการสอน ไม่ว่าจะเป็นสถานศึกษาที่ไปฝึกงาน หรือรายชื่ออาจารย์ที่ควบคุมการฝึกปฏิบัติงานทั้งหมดขึ้นเว็บไซต์ของคุรุสภาไว้ เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้.
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
