อันดับศึกษาแป้กแข่งขันเกินครึ่ง 0.01 (ไทยโพสต์)
"ชินวรณ์" อึ้ง! IMD จัดอันดับการศึกษา 58 ประเทศแถบเอเชีย-แปซิฟิก พบของไทยยังไม่คืบ คงที่อันดับที่ 26 ขณะที่สถานการณ์ด้านการศึกษาเข้าขั้นวิกฤติเฉียดรั้งท้ายอยู่ที่ 47 ความสามารถด้านการแข่งขันได้คะแนนเกินครึ่งมาเพียง 0.01 สั่ง สกศ.รวมข้อมูลหวังใช้ปรับคุณภาพการศึกษาต่อไป
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหาร ศธ. ว่า สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ได้รายงานสถานการณ์การศึกษาไทยในเวทีโลก พ.ศ.2553 จากการจัดอันดับของ International Institute for Management Development (IMD) เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบายและวางแผนการพัฒนาการศึกษา โดยพบว่า ผลการจัดอันดับของ IMD ในปี พ.ศ.2553 สมรรถนะภาพรวมของไทยอยู่ในอันดับที่ 26 เท่ากับปี 2552 โดยมีประเทศที่เข้าประเมินทั้งหมด 58 ประเทศ โดยสถานการณ์การศึกษาของไทยอยู่ในอันดับที่ 47 ซึ่งเท่ากับปี 2552 และเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในเอเชีย-แปซิฟิก ไทยถือว่ามีอันดับดีกว่าประเทศอินโดนีเซียซึ่งอยู่ในอันดับที่ 55, ฟิลิปปินส์ 56 และอินโดนีเซีย 58
ส่วนด้านคุณภาพการศึกษาพบว่า อัตราส่วนนักเรียนต่อครูระดับประถมไทยมีอัตรานักเรียนอยู่ที่ 17.70 ต่อครู 1 คน มีคุณภาพอยู่ในอันดับที่ 41 เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ถือว่ามีอันดับดีกว่าอีก 7 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น, จีน, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์, เกาหลี, ฟิลิปปินส์ และอินเดีย อัตราส่วนนักเรียนต่อครูระดับมัธยมอยู่ที่ นักเรียน 21 คนต่อครู 1 คน อยู่ในอันดับที่ 53 เหนือกว่าประเทศอินเดีย และฟิลิปปินส์
นอกจากนั้นยังพบว่า การตอบสนองความสามารถในการแข่งขันของระบบการศึกษาไทยอยู่อันดับที่ 32 ได้ 5.01 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 ดีกว่าประเทศอินโดนีเซีย จีน และฟิลิปปินส์ การตอบสนองความสามารถในการแข่งขันของสถาบันอุดมศึกษา ไทยอยู่อันดับที่ 32 โดยได้คะแนน 5.01 จากคะแนนเต็ม 10 ดีกว่าประเทศอินโดนีเซีย จีน และฟิลิปปินส์ ทักษะด้านภาษาที่ตอบสนองต่อความต้องการของภาคธุรกิจ ไทยอยู่อันดับที่ 41 มีการขยับอันดับดีขึ้นจากปี 2552 ถึง 2 อันดับ ได้คะแนน 4.83 จากคะแนนเต็ม 10 ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ วัดจากคะแนนเฉลี่ย TOELF ในระบบอินเทอร์เน็ตเทียบจากคะแนนสูงสุด 120 คะแนน ไทยอยู่ในอันดับที่ 54 คะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 72 ดีกว่าประเทศญี่ปุ่นเพียงประเทศเดียว
"ผลการสำรวจดังกล่าวถือว่าน่าสนใจอย่างยิ่ง ซึ่งผมได้กำชับให้ สกศ.ไปทำการศึกษาในภาพรวม และวิเคราะห์เพื่อนำมาปรับพัฒนาคุณภาพการศึกษาของไทย ให้ก้าวหน้าและสอดคล้องตามแนวทางปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 ต่อไป" นายชินวรณ์กล่าว.
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
