ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สั่งอาชีวะเอกชนทบทวนมติห้ามเด็กมีรอยสัก-ระเบิดหูเข้าเรียน ชี้อย่าตัดสินไปถึงพฤติกรรม อาจเป็นการปิดกั้นโอกาสเด็ก
จากกรณีสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ลงมติงดรับเด็กมีรอยสักและระเบิดหูเข้าเรียน เพื่อลดเหตุทะเลาะวิวาท หลังพบว่ามีบุคคลที่ไม่ประสงค์ดีแอบแฝงเป็นนักศึกษา ตามที่ได้มีรายงานไปแล้วนั้น [อ่านข่าว อาชีวะเอกชน ลงมติ "งดรับ" เด็กมีรอยสัก-ระเบิดหู เริ่มปี 59]
วันนี้ (7 สิงหาคม 2558 ) นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ได้เชิญนายกสมาคมฯ มาทบทวนมติดังกล่าวอีกครั้ง ตนเข้าใจว่าวิธีดังกล่าวเป็นการตัดไฟแต่ต้นลมไม่ให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาท แต่รอยสักและการระเบิดหูเป็นบางช่วงชีวิตของวัยรุ่น ทีเด็กบางคนต้องการเรียนรู้ไม่ควรไปตัดสินว่าจะทำให้มีพฤติกรรมไม่ดีตามไปด้วยและสถานศึกษาควรให้โอกาสเป็นผู้อบรมเด็ก
นพ.กำจร กล่าวต่อว่า การรับเด็กเข้าศึกษาต้องดูว่าเด็กมีทักษะความรู้เรียนได้หรือไม่ หากเกรงว่าเด็กจะก่อเหตุก็ควรหาวิธีอื่นเช่น การดูประวัติพฤติกรรมของตัวเด็ก และแม้ว่าสถาบันการศึกษาเอกชนจะสามารถกำหนดหลักเกณฑ์การรับนักศึกษาได้เองแต่ก็ต้องดูขอบเขตด้วย เพราะถ้าอาชีวศึกษาเอกชนทั้งหมดต้องปฏิบัติตาม ทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ก็สามารถออกมาตรการป้องปรามได้เพราะสถาบันบางแห่งยังรับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐ ซึ่งถ้าสถาบันไหนยังยืนยันจะงดรับนักเรียนที่สักและระเบิดหู ก็อาจจะอยู่ในบัญชีการพิจารณาสนับสนุนงบประมาณในอนาคตได้
ขณะที่ ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ไม่มีนโยบายห้ามสถานศึกษารับเด็กนักเรียนที่มีรอยสักหรือระเบิดหูเข้าเรียน แต่มีการกำชับให้ดูแลพฤติกรรมการแต่งกายรวมทั้งความประพฤติของเด็กให้อยู่ในระเบียบเรียบร้อยเท่านั้น
ภาพจาก brigttv.co.th
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก