กลุ่มแพทย์มั่นใจใช้คะแนนโอเน็ต (ไทยโพสต์)
กลุ่มแพทย์มั่นใจใช้คะแนนโอเน็ตเป็นองค์ประกอบเข้ากลุ่มแพทย์ เพื่อให้เด็กตั้งใจเรียนในห้องทุกวิชา ขณะที่ สทศ.เตรียมจัดสัมมนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบข้อสอบเพื่อปรับ ปรุงวันจันทร์ที่ 22 มี.ค.
ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เปิดเผยผลการจัดทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐานหรือโอเน็ตปีการศึกษา 2552 รอบพิเศษ ให้แก่ผู้ที่เกิดเหตุสุดวิสัยชั้น ป.6, ม.3 และ ม.6 เมื่อวันที่ 17-18 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ยังไม่ได้รับรายงานการทุจริต การสอบเป็นไปอย่างเรียบร้อย และตนได้สอบถามนักเรียนที่เข้าสอบในรอบพิเศษเกี่ยวกับรูปแบบข้อสอบที่มีผู้ วิพากษ์วิจารณ์ว่าเกินหลักสูตร และ สทศ.ปรับรูปแบบข้อสอบโดยไม่แจ้งล่วงหน้านั้น นักเรียนบอกว่าไม่เกินหลักสูตร และในวันที่ 22 มีนาคม 2553 เวลา 13.30-16.30 น. ที่ สทศ.จะจัดสัมมนา เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับ "รูปแบบข้อสอบ O-NET ในอนาคต" สทศ. โดยจะเชิญอาจารย์ที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านการออกข้อสอบ ตัวแทนครู นักเรียน ผู้ปกครอง และผู้เกี่ยวข้องมาร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย เพื่อนำข้อมูลไปปรับปรุงการสอบครั้งต่อไป
ด้าน น.ส.นลินี คำโคตรกรวด นักเรียน ม.6 จาก รร.มาลีย์วิทยา จ.นครราชสีมา หนึ่งในนักเรียนที่สอบ O-NET รอบพิเศษ กล่าวว่า เท่าที่ตนได้ทำข้อสอบมีทั้งข้อสอบที่ง่ายและยาก แต่ไม่เกินหลักสูตรอย่างที่เพื่อนๆ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนตัวตนคิดการปรับรูปแบบข้อสอบไม่ใช่ปัญหาถ้าเรามีความรู้และตั้งใจเรียน นอกจากนี้ตนคิดว่าเพื่อนๆ ม.6 ส่วนใหญ่และตนเคยทำรูปแบบข้อสอบอย่างนี้มาแล้วในการทดสอบความถนัดทั่วไปหรือ (GAT) ทดสอบความถนัดทางวิชาชีพ/วิชาการหรือ PAT
ขณะที่ด้าน ศ.พญ.บุญมี สถาปัตยวงศ์ ประธานคณะอนุกรรมการสอบคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต และหลักสูตรทันตแพทยศาสตรบัณฑิต ปีการศึกษา 2553 ผ่านระบบรับตรงของกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศ (กสพท.) กล่าวว่า กสพท.ยืนยันใช้คะแนนโอเน็ตมาประกอบการคัดเลือก เพราะเชื่อมั่นในมาตรฐานข้อสอบ
แม้จะไม่นำผลสอบโอเน็ตมาคิดคะแนนก็ตาม แต่ที่ต้องนำมาใช้คัดเลือก เพราะต้องการเห็นนักเรียนตั้งใจเรียนทุกวิชา และอยู่ในห้องเรียนจนจบหลักสูตร ส่วนการปรับรูปแบบข้อสอบถือเป็นเรื่องดี เพราะข้อสอบจะต้องมีการพัฒนาและปรับปรุง เพื่อให้สามารถวัดเด็กให้ได้ว่ามีความรู้มากน้อยแค่ไหน และต้องยอมรับว่าเมื่อมีการปรับรูปแบบข้อสอบเด็กคงจะกังวลว่าตนเองจะทำไม่ ได้ แต่เมื่อมีเด็กและผู้ปกครองออกมาวิพากษ์วิจารณ์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องกลับมาทบทวนเรื่องดังกล่าว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
