แถลงการณ์ สจล. ปมเงินกองกลางถูกยักยอก 1,600 ล้าน
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ออกแถลงการณ์หลังมีข่าวเงินในบัญชีมหาวิทยาลัยถูกยักยอก 1,600 ล้านบาท ระบุ มีการถอนเงินออกผิดปกติตั้งแต่ปลายปี 55 ให้ตำรวจมาสืบสวนแล้ว คาดจะทราบตัวผู้กระทำผิดเร็ว ๆ นี้ ด้านแบงก์กรุงศรีฯ พร้อมให้ความร่วมมือกับตำรวจ
จากกรณีที่มีรายงานข่าวว่า เงินกองกลางของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) จำนวน 3,000 ล้านบาท ถูกยักยอกหายไปจากบัญชีถึง 1,600 ล้านบาท โดยทางมหาวิทยาลัยทราบเรื่องนี้เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากต้องการเบิกเงินไปใช้ในโครงการที่ผ่านการอนุมัติ แต่ธนาคารกลับปฏิเสธการจ่ายเงิน โดยอ้างว่าเงินในบัญชีมีไม่เพียงพอ และเมื่อตรวจสอบจึงพบว่าเงินในบัญชีเหลือเพียง 1,400 ล้านบาทเท่านั้น ทำให้ทางมหาวิทยาลัยเชื่อว่า เจ้าหน้าที่การเงิน หรือผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัย ได้ร่วมมือกับพนักงานธนาคารเบิกจ่ายอย่างไม่ถูกต้องแน่นอน เพราะล่าสุดพบว่ามีผู้จัดการธนาคารสาขาหนึ่งที่รับเงินได้ หายตัวไปกว่า 1 สัปดาห์แล้ว
ความคืบหน้าในประเด็นนี้ มีรายงานจากทวิตเตอร์ @yoware ของผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ว่า ในเวลา 14.00 น. ของวันนี้ (22 ธันวาคม 2557) สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) จะออกแถลงการณ์ถึงกรณีการตรวจพบทุจริตยักยอกเงิน 1,600 ล้านบาทที่เกิดขึ้น โดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
ต่อมาในเวลา 14.00 น. สจล. ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง ข่าวความผิดปกติทางการเงินของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ระบุว่า ผู้บริหารของสถาบันชุดปัจจุบัน ซึ่งเป็นชุดรักษาการ ได้พบความผิดปกติของบัญชีเงินฝากธนาคารของสถาบันเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2557 จึงได้ทำการตรวจสอบบัญชีเงินฝากทั้งหมดของสถาบัน จนพบว่ามีเงินฝากบางบัญชีถูกถอนออกอย่างผิดปกติ ตั้งแต่ปลายปี 2555 จึงได้รายงานต่อสถาบัน และมอบหมายให้คณะทำงานเข้ามาตรวจสอบกรณีดังกล่าวทันที และได้ให้พนักงานสอบสวนเข้ามาสืบสวนสอบสวนเพื่อหาผู้กระทำผิดแล้ว เชื่อว่าจะทราบตัวในเร็ว ๆ นี้
ส่วนจำนวนเงินที่เสียหายนั้น ขณะที่ทางสถาบันกำลังตรวจสอบเพื่อความถูกต้อง อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลกระทบต่อการบริหารงานและการดำเนินงานตามปกติของสถาบันแต่อย่างใด
ด้านธนาคารกรุงศรีอยุธยา ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีการยักยอกเงินของ สจล. ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องเฉพาะตัวของบุคคลที่ถูกระบุในข่าว ซึ่งเป็นอดีตพนักงานของธนาคาร ทั้งนี้ ธนาคารได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและพร้อมให้ความร่วมมือในการสอบสวนอย่างเต็มที่