ศธ. เล็งลดวิชาสอบโอเน็ต บางวิชาอาจให้โรงเรียนประเมินเอง
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ศธ. เล็งลดวิชาสอบโอเน็ต พัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน เสนอช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ. ชั้นดี สั่งสำรวจการใช้จ่ายของครู แก้ไขปัญหาหนี้สินครู
วันนี้ (31 ตุลาคม 2557) นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยผลการประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของ ศธ. ซึ่งมี พล.ร.อ. ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศึกษาธิการ) เป็นประธานว่า ที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับข้อเสนอของกลุ่มเครือข่ายยุวทัศน์ ที่เสนอให้ปรับลดสัดส่วนของการใช้ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต มาเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการตัดสินผลการเรียนของผู้ที่จบการศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551
โดยได้ขอให้ลดสัดส่วนของปีการศึกษา 2557 ที่กำหนดให้ใช้ผลการเรียนของผู้เรียนที่ประเมินโดยสถานศึกษา และผลโอเน็ต ในสัดส่วน 70 ต่อ 30 เหลือเท่ากับปีการศึกษา 2556 ที่กำหนดไว้ที่ 80 ต่อ 20 ซึ่งในเรื่องนี้ที่ประชุมมีความเห็นหลากหลายจึงยังไม่ได้ข้อสรุป
แต่ทั้งนี้ พล.ร.อ. ณรงค์ ได้เน้นย้ำว่า หลังจากนี้สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ต้องพัฒนาในเรื่องคุณภาพมาตรฐานการสอบให้มากขึ้น เพื่อให้เป็นที่ยอมของสังคม โดยคาดว่าในสัปดาห์หน้า พล.ร.อ. ณรงค์จะเดินทางไปตรวจเยี่ยม สทศ. พร้อมทั้งหารือเรื่องการจัดสอบต่าง ๆ โดยอยากให้การวัดผลทุกชนิดเน้นที่ผู้เรียนเป็นหลัก และต้องเกิดผลต่อผู้เรียน
นอกจากนี้จะหารือด้วยว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่การสอบโอเน็ตจะลดวิชาการสอบในกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ ให้น้อยลง โดยไม่จำเป็นต้องสอบให้ครบ 8 กลุ่มสาระฯ อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และจัดสอบเฉพาะวิชาหลักเท่านั้น ส่วนวิชาอื่น เช่น สังคมศึกษา หน้าที่พลเมือง สุขศึกษา อาจให้โรงเรียนเป็นผู้วัดและประเมินผลเองในรูปแบบที่หลากหลายกันไป โดยในส่วนนี้อาจไม่จำเป็นต้องใช้ข้อสอบเป็นตัววัด แต่อาจจะวัดผลจากพฤติกรรม หรือพัฒนาการของผู้เรียนที่เห็นเป็นเชิงประจักษ์แทน
นางสุทธศรี กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังได้หารือเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ซึ่งได้เน้นย้ำว่าควรไปสำรวจการใช้จ่ายเงินของครูทุกวันนี้ว่า ครูมีการใช้จ่ายอย่างประหยัด และยึดถือตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงหรือไม่ ถ้ายังควรส่งเสริมในเรื่องนี้ให้มาก
ส่วนกรณีที่มีการเปิดช่องทางให้ครูสามารถกู้เงินได้หลากหลายช่องทางนั้น ที่ประชุมได้มอบให้สำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (กคศ.) ไปหาแนวทางแก้ปัญหาแล้วกลับมาเสนอต่อที่ประชุมอีกครั้ง
นอกจากนี้ นางสุทธศรี ยังกล่าวถึงกรณี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วงเรื่องกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ว่า จากการประชุมคณะกรรมการกองทุน กยศ. ได้มีการพิจารณาโครงการรณรงค์ชำระหนี้ ซึ่งทางกองทุน กยศ.ได้เสนอที่จะจัดโปรโมชันลดหย่อนหนี้ในปี 2558 ให้กับลูกหนี้ที่ค้างชำระและไม่ค้างชำระ หากนำเงินมาปิดบัญชีจะได้รับการลดหย่อนหนี้ 3 เปอร์เซ็นต์ของเงินต้น รวมทั้งลดเบี้ยปรับ หรือค่าธรรมเนียมกรณีผิดนัดชำระหนี้ 100 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตามการจัดโปรโมชันในลักษณะนี้ อาจจะเป็นสาเหตุให้ลูกหนี้รอโปรโมชันในปีต่อไปอีกก็เป็นได้ ที่ประชุมจึงให้ทางกองทุนฯ กลับไปทบทวนเรื่องนี้อีกครั้งว่าควรจะมีโปรโมชันในลักษณะดังกล่าวต่อไปหรือไม่
นอกจากนี้ในที่ประชุม ยังมีการเสนอว่าควรจะมีการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ชำระหนี้อย่างต่อเนื่อง ไม่เคยติดค้าง ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีวินัยทางการเงิน โดยควรจะมีการลดหย่อนเงินกู้ให้ด้วย เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจให้กับคนทำดี และ กยศ. ไม่ควรจะมีมาตรการเดียวคือการปิดบัญชี แต่ควรจะยืดหยุ่นให้ปิดบัญชีตามศักยภาพ โดยอาจจะจ่าย 2-3 งวด เพราะการปิดบัญชีรวดเดียวเป็นเรื่องที่ทำได้ลำบาก จึงเสนอให้ กยศ. ไปพิจารณาหาแนวทางอื่นด้วย ปลัดกระทรวงการคลังในฐานะบอร์ด กยศ. จึงได้ให้ กองทุน กยศ. รับความเห็นของที่ประชุมไปดำเนินการ และให้นำกลับมาเสนออีกครั้งในการประชุมครั้งต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก